วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

พระอัจฉริยภาพทางด้านโหราศาสตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และดวงพระชะตา (ตอนที่ 2)

คราวที่แล้วผมได้อธิบายถึงพระอัจฉริยภาพทางด้านโหราศาสตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ไปแล้ว โดยการยกตัวอย่างจากบทพระราชนิพนธ์ "พระมหาชนก" ซึ่งผมเห็นว่าเด่นชัดที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่พระองค์ท่านได้บอกเป็นนัยอะไรบางอย่างว่า พระองค์ท่านนั้นมีพระลัคนาสถิตราศีกรกฎ

จะจริงหรือเท็จประการใดผมขออนุญาตวิเคราะห์ดวงพระชะตาให้ท่านทั้งหลายดูว่า ที่พระองค์ท่านทรงบอกเป็นนัยนั้น สมเหตุสมผลหรือไม่

ดวงพระชะตากำเนิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙


ผมขอใช้พระบรมฉายาลักษณ์และพระราชประวัติจากวิกิพีเดียเจ้าประจำของผมที่ "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" และขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ครับ

พระองค์ทรงพระราชสมภพ ณ โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ เดือนอ้าย ขึ้น 12 ค่ำ ปีเถาะ นพศก จุลศักราช 1289 ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ส่วนเวลานั้นผมตรวจดูจากหลายๆแหล่งบอกตรงกันว่าทรงพระราชสมภพเวลา 8 นาฬิกา 45 นาที เป็นเวลาท้องถิ่นประเทศอเมริกาที่กล่าวข้างต้น

เนื่องจากการคำนวณสมผุสของดวงดาวต่างๆตามคัมภีร์สุริยยาตรที่ผมใช้อยู่ จะใช้เวลาของประเทศไทย ดังนั้นการคำนวณหาพระลัคนาของพระองค์ท่านตลอดจนสมผุสต่างๆ ผมจำเป็นต้องแปลงเวลาท้องถิ่นอเมริกามาเป็นเวลาประเทศไทย

การแปลงเวลานั้น ผมเทียบจากเวลามาตรฐานเมืองกรีนิซ ซึ่งเขตเวลารัฐแมสซาชูเซตส์จะช้ากว่าเวลามาตรฐานประเทศไทยอยู่ 11 ชั่วโมง 

ดังนั้นในขณะที่ทรงพระราชสมภพเาลา 8:45 นั้น เวลาประเทศไทยจะเป็น 19:45 ครับ เมื่อคำนวณตามเวลาที่แปลงเรียบร้อยแล้วจะได้รูปดวงพระชะตาดังนี้

ดวงพระชะตาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙
วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๗๐ เวลา ๘ นาฬิกา ๔๕ นาที
รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา

เมื่อพิจารณาตามเกณฑ์มาตรฐานของโหราศาสตร์ไทยแล้ว จะได้ดังรูปต่อไปนี้

ตารางแสดงเกณฑ์ต่างๆของดวงพระชะตา

ถ้าให้ผมดูแบบเร็วๆแล้ว ผมไม่เห็นดาวดวงใดของพระองค์ไปสถิตในตำแหน่งทุสถานภพเลยแม้แต่ดวงเดียว เพียงเท่านี้ก็สามารถบอกได้คร่าวๆแล้วครับว่า เป็นดวงของบุคคลที่มักจะประสบความสำเร็จและยิ่งใหญ่ได้อย่างไม่ยากเย็น คราวนี้มาวิเคราะห์กันตามหลักเกณฑ์ของโหราศาสตร์โดยละเอียดกันนะครับ ว่าพระองค์ทรงเป็นราชันย์แห่งกษัตริย์ทั้งปวงได้อย่างไร

1. พระลัคนาสถิตราศีกรกฎ ได้เกณฑ์ปัญจมหาบุรุษโยค พระองค์ท่านจึงทรงมีบุคลิกภาพเป็นที่น่ารักใคร่แก่ผู้พบเห็น เป็นผู้ที่มีความอ่อนน้อม สุภาพเรียบร้อย รักถิ่นที่พำนักอาศัย พระองค์ทรงมีพระราชอำนาจมากมาย และพระองค์ทรงเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาราชวงศ์ของพระมหากษัตริย์จากประเทศต่างๆทั่วโลก

2. ดาวเจ้าเรือนลัคนาราศีกรกฎคือดาวจันทร์(๒) ได้ตำแหน่งมหาจักร ซึ่งหมายถึงความมีฤทธิ์มีเดช เมื่อสถิตอยู่ในตำแหน่งเด่นเช่นนี้ จึงยิ่งทำให้พระองค์ท่านเป็นบุคคลที่มีเสน่ห์ เป็นที่รักแก่บุคคลทั่วไป ในขณะเดียวกันก็มีอำนาจบารมีเป็นที่เคารพยำเกรงอีกด้วย

3. ดาวเจ้าเรือนลัคนาคือดาวจันทร์(๒)สถิตภพกัมมะในดวงพระชะตา ทำให้พระองค์ท่านทรงมีพระราชกรณียกิจอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะกำลังทรงพระประชวรอยู่ก็ตาม เราจะเห็นได้ว่าตลอดรัชกาลของพระองค์ ไม่มีวันใดเลยที่พระองค์ทรงว่างจากพระราชกรณียกิจ แม้ในขณะที่พระองค์ท่านทรงงานอดิเรก พระองค์ท่านก็ยังทรงนำงานนั้นมาเป็นส่วนหนึ่งของพระราชกรณียกิจ ไม่ว่าจะเป็น ดนตรี กีฬา ทรงพระอักษร หรืองานวิจัยต่างๆ

4. ดาวอังคาร(๓)เจ้าเรือนกัมมะสถิตภพปุตตะในราศีพิจิกได้ตำแหน่งเกษตร พระราชกรณียกิจที่พระองค์ทรงได้ทำจึงมักเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ มีคุณค่า และเป็นประโยชน์อย่างสูงสุด พระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับพสกนิกรของพระองค์แทบทั้งสิ้น

5. ดาวอังคาร(๓)เจ้าเรือนปุตตะสถิตภพปุตตะในราศีพิจิกได้ตำแหน่งเกษตร กุมดาวอาทิตย์(๑) ดาวพุธ(๔)และดาวเสาร์(๗)ได้ตำแหน่งพินทุบาทว์ ที่เรือนปุตตะนี้เองที่ทำให้พระองค์ท่านทรงมีความทุกข์ในพระราชหฤทัยอย่างแสนสาหัส เนื่องจากพสกนิกรของพระองค์มีหลายจำพวก แต่ละจำพวกก็มีความโดดเด่นในตัวเอง จึงมักเกิดการชิงดีชิงเด่นกันเองจนก่อให้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายหลายครั้งหลายหนในรัชสมัยของพระองค์  แต่ในขณะเดียวกันพระราชการณียกิจนั้นๆก็เป็นสิ่งที่ทำให้ชื่อเสียงของพระองค์ท่านขจรขจายไปทั่วทั้งโลก

6. ดาวอาทิตย์(๑)เจ้าเรือนกดุมภะ ดาวพุธ(๔)เจ้าเรือนวินาสน์และสหัสชะ ดาวเสาร์(๗)เจ้าเรือนปัตนิสถิตภพปุตตะได้ตำแหน่งพินทุบาทว์ ทำให้พระองค์ทรงนำทรัพยากรของพระองค์หลายสิ่งหลายอย่างเข้ามาช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็น ทรัพย์สินเงินทองส่วนพระมหากษัตริย์ การสื่อสาร การโฆษณาประชาสัมพันธ์ หรือแม้กระทั่งการที่พระบรมราชินีนาถทรงดำเนินโครงการต่างๆเพื่อสนับสนุนพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านด้วย

7. ดาวศุกร์(๖)สถิตราศีตุลย์ ได้ตำแหน่งเกษตร และได้อัมพุเกณฑ์ ดาวศุกร์(๖)นี้เป็นดาวเด่นที่สุดในดวงพระชะตาเนื่องจากไม่มีดาวดวงใดมากุมแล้วทำให้เกิดผลเสีย  พระองค์จึงทรงมีความเป็นศิลปินในตัวเองอย่างสูง พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถหลายๆด้านเช่น ทรงดนตรีได้แทบทุกชนิด ทรงแต่งบทเพลงพระราชนิพนธ์ที่มีความไพเราะเข้ากับเหตุการณ์ได้ทุกยุคทุกสมัย ทรงพระราชนิพนธ์ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรองไว้มากมายรวมถึงภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ที่ช่างภาพมืออาชีพบางรายยังมิอาจเทียบได้

8. ดาวศุกร์(๖)เจ้าเรือนลาภะสถิตราศีตุลย์ ได้ตำแหน่งเกษตร พระองค์ท่านประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในรัชสมัยของพระองค์ไม่ว่าจะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอะไรก็แล้วแต่ อันเจ้าเรือนลาภะนี้ อีกความหมายหนึ่งก็คือ พี่ชายหรือพี่สาว พระองค์จึงทรงมีพระเชษฐาที่ยิ่งใหญ่เช่นกันซึ่งก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 นั่นเอง

9. ดาวศุกร์(๖)เจ้าเรือนพันธุสถิตราศีตุลย์ ได้ตำแหน่งเกษตร หมายถึงพระองค์ทรงมีพระราชชนนีที่ยิ่งใหญ่เช่นกันตามที่ได้ทราบกันดี และจากพระราชประวัติของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ได้ทรงพระราชทานตั้งชื่อให้แด่พระองค์ว่า "ภูมิพล" ซึ่งหมายถึงพลังแห่งแผ่นดินนั้น มีที่มาอย่างไร ผมขออนุญาตสันนิษฐานตามหลักการแห่งโหราศาสตร์ดังนี้

ในสมัยก่อน การตั้งชื่อในราชวงศ์ มักใช้ตำราโหราศาสตร์หรือตำราทักษามาช่วยเพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่ดวงพระชะตามากที่สุด สำหรับพระองค์ก็เช่นกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ได้ทรงนำทั้งโหราศาสตร์และทักษามาเป็นหลักพิจารณา ซึ่งถ้าเราดูผมว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน

เมื่อมีดาวเด่นที่สุดในเรือนพันธุ ซึ่งหมายถึงที่ดิน บ้าน วงศ์ตระกูล ดังนั้นควรตั้งชื่อให้มีความหมายตามเรือนพระชะตาที่เด่นนี้

พระองค์เสด็จพระราชสมภพในวันจันทร์ เมื่อตั้งชื่อโดยใช้หลักทักษาที่ให้ความหมายถึงที่ดิน ก็จะใช้อักษรของวรรคมูละ อันได้แก่อักษร บ ป ผ ฝ พ ฟ

ตามกฎเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น พระองค์จึงทรงมีพระนามว่า "ภูมิพล" โดยความเป็นสิริมิ่งมงคลนี้ ผมคงปฏิเสธไม่ได่ว่า พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ก็ทรงมีพระปรีชาสามารถทางด้านโหราศาสตร์ชนิดที่ทรงสามารถเป็นพระโหราจารย์อีกท่านหนึ่งได้เลยทีเดียว

10. ดาวพฤหัส(๕)เจ้าเรือนอริและเจ้าเรือนศุภะ สถิตภพศุภะ ได้ตำแหน่งเกษตร กุมดาวมฤตยู(๐) พระองค์ทรงมีคุณธรรมอันสูงส่งดังจะเห็นได้จากพระองค์ทรงอยู่ในทศพิธราชธรรม ในขณะเดียวกัน พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถทางด้านต่างประเทศ หรือแม้กระทั่งทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีสมัยใหม่ และเรือนศุภะนี้หมายถึงพระบรมราชชนก พระองค์จึงทรงมีพระบรมราชชนกที่มีพระปรีชาสามารถเช่นกัน แต่เป็นที่น่าเสียดาย เนื่องจากดาวพฤหัส(๕)นี้คือเจ้าเรือนอริ และยังถูกกุมด้วยดาวมฤตยู(๐) จึงทำให้พระบรมราชชนกของพระองค์สิ้นพระชนม์ในขณะที่มีพระชนมายุยังน้อยอยู่

11. ดาวราหู(๘)เจ้าเรือนมรณะ สถิตภพลาภะ ในตำแหน่งนิจ พระองค์ทรงประสบความสำเร็จจากการที่ต้องสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป ซึ่งเรือนลาภะนี้หมายถึงพระเชษฐาของพระองค์อีกด้วย นั่นหมายถึงการที่พระองค์ทรงเสด็จขึ้นครองราชย์แต่ก็ต้องสูญเสียพระเชษฐาไปอย่างไม่มีวันกลับ


มาถึง ณ จุดนี้ ผมเองค่อนข้างแน่ใจว่าพระลัคนาของพระองค์สถิต ณ ราศีกรกฎอย่างแน่นอน แต่เพื่อความมั่นใจ ผมขอบรรยายต่อในครั้งต่อไปในเรื่องของการวิเคราะห์ดวงจรโดยใช้พระลัคนานี้ ว่าจะมีความแม่นยำเป็นประการใด






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น