วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2559

ประเด็นเป็นข่าว : จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อดาวมฤตยูโคจรเปลี่ยนราศี? (ตอนจบ)

ดวงเมืองกรุงรัตนโกสินทร์และดาวจรดวงหลัก
ระหว่างปีพ.ศ.2559-2560
จากรูป ดาวมฤตยูจร(๐สีแดง)โคจรสถิตราศีเมษ ตั้งแต่ 6/3/2559 ถึง 7/7/2565 การพยากรณ์ก็จะมีแนวทางคล้ายๆกับที่กล่าวมาในสองตอนที่แล้ว ส่วนดาวหลักอื่นๆเช่นดาวพฤหัสจร(๕สีแดง) ดาวเสาร์จร(๗สีแดง) และดาวราหูจร(๘สีแดง) ก็โคจรเปลี่ยนราศีเช่นกัน แต่ผมขอพยากรณ์คร่าวๆระหว่างปีพ.ศ.2559 ถึงพ.ศ.2560ให้ทราบถึงเรื่องราวใหญ่ๆกันก่อนนะครับ

เรื่องใหญ่ๆในช่วง6-7ปีนี้ ก็คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับสถาบันหลักในประเทศรวมถึงเรื่องระบอบการปกครอง เนื่องจากตามข้อมูลสถิติที่ผ่านมา 3 ครั้งตั้งแต่ช่วงเสียเอกราชปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครองในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ล้วนเป็นเรื่องของการปกครองและสถาบันทั้งสิ้น

ต่างกันที่ช่วงเสียเอกราช ดวงดาวให้โทษอย่างเดียว เสียกรุงแล้วยังเสียทุกอย่าง วัฒนธรรม ประชาชน หรือแม้กระทั่งพระมหากษัตริย์ แต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ถึงจะเสียอะไรบางอย่างไป ก็มักจะได้อะไรที่คุ้มค่ากลับมาด้วย เช่น ถึงพระมหากษัตริย์จะถูกลดพระราชอำนาจลงไปในช่วงปีพ.ศ.2475แต่ประชาชนก็ได้รัฐธรรมนูญฉบับแรกที่เป็นประชาธิปไตยกลับมาเหมือนกัน นี่เป็นข้อดีของดวงเมืองกรุงรัตนโกสินทร์ของเรานะครับ

แล้วการเปลี่ยนราศีของดาวมฤตยู(๐)ในครั้งนี้จะมีผลอย่างไร มาดูกันครับ

นอกจากเรื่องการปกครองประเทศที่มีเกณฑ์จะต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว แนวโน้มของรัฐธรรมนูญใหม่ที่จะเกิดขึ้น ดูเหมือนจะแย่ลงกว่าเมื่อตอนเปลี่ยนแปลงการปกครองครับ

ที่เห็นอย่างชัดเจนในช่วงแรกคือ 7/8/2559 ถึง 12/1/2560 และ 12/3/2560 ถึง 6/9/2560 เนื่องจากดาวพฤหัสจร(๕สีแดง)ซึ่งเป็นตัวแทนของกฎหมายต่างๆ โคจรสถิตราศีกันย์ซึ่งให้โทษในตำแหน่งประ ไม่ได้ให้คุณเหมือนกับช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ.2475

ดังนั้นรัฐธรรมนูญที่ได้ในช่วงนี้จะไม่ได้ส่งผลดีกับประชาชนส่วนรวมเท่าใดนัก จะเป็นในลักษณะของรัฐธรรมนูญเฉพาะกิจเพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะหรือเพื่อกำจัดกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ

ที่นี้เรามาดูเรื่องแย่ๆกันต่อเกี่ยวกับดาวราหูจร(๘สีแดง)กันต่อ

ตำแหน่งราศีสิงห์ที่ดาวราหูจร(๘สีแดง)กำลังโคจรสถิตอยู่ในตอนนี้ กำลังให้โทษเต็มที่ในตำแหน่งประเหมือนกับเมื่อประมาณปีพ.ศ.2523-2524 ในขณะนั้นเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจจนทำให้รัฐบาลต้องประกาศลดค่าเงินบาท ประชาชนก็ย่ำแย่ไปตามๆกัน

เช่นเดียวกับเมื่อปีพ.ศ.2541-2542 ดาวราหูจร(๘สีแดง)ก็โคจรสถิตอยู่ในตำแหน่งนี้ เหตุการณ์ตอนนั้นโด่งดังไปทั่วโลกในชื่อ "ต้มยำกุ้ง" เป็นผลกระทบจากพิษทางเศรษฐกิจที่กำเนิดขึ้นในประเทศไทยแล้วกระจายไปเกือบทั่วโลก จนรัฐบาลในขณะนั้นต้องขอความช่วยเหลือจากสถาบันไอเอ็มเอฟ ทำให้ประเทศไทยเสียอิสรภาพทางการเงินไป ถ้าใครจำได้ ก็คงจะทราบว่าหนักหนาสาหัสเพียงใด

ผมกำลังจะบอกว่า ปัญหาทางเศรษฐกิจกำลังจะโคจรมาซ้ำรอยเดิมอีกครั้งในช่วงปีพ.ศ.2559-2560นี้แน่นอนครับ และประชาชนจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีพ.ศ.2560เป็นต้นไป!

มีแถมท้ายอีกหน่อย คือช่วงที่ดาวราหูจร(๘สีแดง)กำลังโคจรสถิตในราศีกรกฎทับดาวจันทร์กำเนิด(๒สีดำ) ระหว่างวันที่ 4/8/2560 ถึง 22/2/2562 อาจจะมีเหตุการณ์สำคัญคล้ายๆปีพ.ศ.2524 คือ กบฎเมษาฮาวาย และ ครูเอื้อ สุนทรสนานถึงแก่กรรม นะครับ ... บอกใบ้ได้แค่นี้จริงๆ

หมายเหตุ - สำหรับพยากรณ์ดวงบุคคล ผมขอยกไปพยากรณ์รายปี เกรงจะซ้ำครับ





วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2559

ประเด็นเป็นข่าว : จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อดาวมฤตยูโคจรเปลี่ยนราศี? (ตอนที่ 2)

บทสรุปจากตอนที่แล้วคือ ถ้าดาวมฤตยู(๐)โคจรเข้าสถิตราศีที่ไม่มีดาวกำเนิด(ตำแหน่งดาวใดๆในวันเกิด)ใดๆอยู่เลย เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นมักดูไม่ค่อยรุนแรงเนื่องจากเป็นมุมที่ไม่สัมพันธ์กับดาวกำเนิดใดๆโดยตรง แต่ถ้าราศีนั้นมีดาวกำเนิดใดๆสถิตอยู่ด้วยแล้วล่ะก็ เป็นเรื่องแน่นอน และจะเป็นเรื่องดีหรือร้าย ขึ้นอยู่กับว่าดาวกำเนิดอยู่ในตำแหน่งที่ให้ผลดีหรือร้ายมากกว่ากันครับ

จากที่ผมได้พูดคุยกับใครหลายๆคน ส่วนใหญ่กลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆมากกว่า แต่เมื่อรู้ว่าจะได้รับประโยชน์ ก็ดีอกดีใจกันไป และถ้ามองจากความน่าจะเป็น โอกาสที่จะเกิดเรื่องร้ายๆ ผมว่าไม่น่าจะเกิน 25% ของประชากรทั้งโลก

ตอนนี้ผมขอตอบคำถามจากคราวที่แล้วก่อนว่า ทำไมประเทศไทยมักจะเกิดเหตุการณ์ร้ายและรุนแรงทุกครั้งที่ดาวมฤตยู(๐)โคจรเข้าสถิตราศีเมษเหมือนในขณะนี้

ดวงเมืองกรุงศรีอยุธยา
สัมพันธ์กับดาวหลักในปีพ.ศ.2310

เริ่มในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตามภาพของดวงเมืองกรุงอยุธยา ตัวเลขสีแดงคือดาวจรหลักที่มักจะถูกนำมาใช้ในการพยากรณ์ กำลังโคจรอยู่ในช่วงวันที่กำลังเสียเอกราชในปีพ.ศ.2310

เส้นทางเดินทัพพม่า
(ขอบคุณภาพจากวิกิพีเดีย)
ส่วนตัวเลขสีดำเป็นดาวกำเนิดของดวงเมืองกรุงศรีอยุธยา จะเห็นว่าเรียงตัวต่อเนื่องกันไปถึง 6 ราศี เรียกว่าดวงมาลัยโยค หรือ จันทร์เสี้ยว หรือ ลัคนาคุมพล ถ้าเป็นดวงคนก็เรียกว่ามีวาสนามากเชียวแหละครับ

ดาวมฤตยูจร(๐สีแดง)โคจรกุมดาวเสาร์กำเนิด(๗สีดำ)ซึ่งให้โทษในตำแหน่งนิจที่ราศีเมษและเป็นภพวินาศน์ของลัคนาราศีพฤษภ พยากรณ์เป็นคำสำคัญ(keyword)ได้ว่า "การทะเลาะเบาะแว้ง การต่อสู้  การเกิดอุบัติเหตุ การพลัดพรากโดยไม่คาดคิด  การถึงแก่กรรมอย่างกระทันหัน การหายสาปสูญ การเจ็บป่วย ภาวะหัวใจวาย "

ซ้ำร้ายดาวศุภเคราะห์อย่างดาวพฤหัสจร(๕สีแดง)ก็โคจรมาให้โทษในตำแหน่งประที่ราศีกันย์ซึ่งเป็นภพปุตตะของดวงเมือง อันเป็นวิบากกรรมของสถาบันเบื้องสูงครับ

ขอข้ามมาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในวันที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นระบอบประชาธิปไตยในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475

ดวงเมืองกรุงรัตนโกสินทร์
สัมพันธ์กับดาวหลักในปีพ.ศ.2475

ในปีนั้นดาวมฤตยูจร(๐สีแดง)โคจรยึกยักเปลี่ยนไปมาระหว่างราศีมีนและราศีเมษ สังเกตว่าทั้งสองราศีมีดาวกำเนิดรอรับการกุมหรือทับจากดาวมฤตยูจร(๐สีแดง)อยู่ด้วย

ในขณะที่ดาวมฤตยูจร(๐สีแดง)โคจรสถิตราศีมีนกุมดาวราหูกำเนิด(๘สีดำ)ซึ่งให้โทษโดยปกติในภพวินาศน์ของลัคนาราศีเมษ ถอดเป็นคำสำคัญได้ดังนี้ "ความวุ่นวายจากความสัมพันธ์ การถูกทรยศหักหลัง ถูกหลอก การตีสองหน้า การเปลี่ยนสังกัด การเกิดเรื่องฉาวโฉ่ "

รัชกาลที่๗ทรงลงพระปรมาภิไธย
ในรัฐธรรมนูญฉบับแรก
(ขอบคุณภาพจากวิกิพีเดีย)
และเมื่อดาวมฤตยูจร(๐สีแดง)โคจรสถิตราศีเมษกุมดาวอาทิตย์กำเนิด(๑สีดำ)ซึ่งให้คุณในภพตนุ ได้คำพยากรณ์เป็นคำสำคัญดังนี้ "การมีภัยรอบด้าน การถูกทำให้ตื่นเต้นตกใจ ใจสั่น ช็อค การถูกโค่นล้ม " แต่เมื่อเกิดเรื่องร้ายๆแล้วก็จะมีเรื่องดีๆตามมาตามประสาการให้คุณของดาวบาปเคราะห์ ซึ่งดาวอาทิตย์กำเนิด(๑สีดำ)นี้เป็นตัวแทนของสถาบันเบื้องสูง ทำให้ต่อมาได้รับการแซ่ซ้องสรรเสริญจากทุกฝ่ายมาจนถึงกระทั่งทุกวันนี้

ดาวจันทร์กำเนิด(๒สีดำ)ให้คุณอยู่ในตำแหน่งเกษตรซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนถูกกุมโดยดาวพฤหัสจร(๕สีแดง)ซึ่งก็ให้คุณเช่นกันในตำแหน่งอุจจ์ คงไม่ต้องสาธยายมากนะครับ ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างมากแน่นอน

อีกทั้งดาวพฤหัสจร(๕สีแดง)เป็นตัวแทนของกฎหมายต่างๆด้วย เมื่ออยู่ในตำแหน่งให้คุณเช่นนี้ ก็จะทำให้เกิดกฎหมายใหม่ๆที่ส่งผลดีตามมา

มาถึงบรรทัดนี้แล้วก็คงพอจะเข้าใจได้บ้างว่า ไม่ใช่จะเกิดเหตุการณ์ที่แย่ลงตลอดเวลาของการโคจรเปลี่ยนราศีของดาวมฤตยู(๐) แต่การจะรู้ว่าแย่ลงหรือดีขึ้นอย่างทันทีทันใดหรือไม่นั้น ยังคงต้องปรึกษาโหรดูนะครับ จะได้ไม่ผิดทิศผิดทางมากเกินไป

คราวหน้าตอนสุดท้าย ผมจะพยากรณ์ดวงเมืองและดวงคนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆในเรื่องใดบ้างเมื่อดาวมฤตยู(๐)ย้ายราศีในครั้งนี้ ติดตามกันนะครับ