เกริ่นไว้เมื่อตอนที่แล้วว่า ดาวมฤตยู(๐)มักจะส่งผลร้ายกับพระองค์ท่านมาโดยตลอด ทั้งเรื่องของพระบรมราชชนกและเรื่องพระเชษฐาธิราช ซึ่งพระองค์ท่านสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักทั้งสองพระองค์ในช่วงที่ดาวดวงนี้โคจรมากระทบตำแหน่งศุภะ(บิดา)และลาภะ(พี่)ในเรือนพระชะตา
ดวงพระชะตา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ |
ในตอนนี้ผมจะขอทำความเข้าใจเบื้องต้นก่อน เกี่ยวกับจุดเปราะบางของทุกดวงขะตาที่เมื่อดาวใดๆโคจรมาทับ(กุม)แล้ว จะส่งผลดีร้ายตามสถานภาพของดาวนั้นๆ และโหรมักจะนำมาใช้ในการพยากรณ์จร ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง จุดนี้เรียกว่า จุดเจ้าชะตา
จุดเจ้าชะตาแรกที่สำคัญที่สุดคือ "ลัคนา" ซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของทุกดวงชะตา สำหรับพระลัคนาของพระองค์ท่านสถิตอยู่ ณ ราศีกรกฎครับ
จุดเจ้าชะตาที่สองที่มีความสำคัญไม่แพ้กันก็คือ "เจ้าเรือนลัคนา" สำหรับตำแหน่งนี้ของพระองค์ท่านคือ ดาวจันทร์(๒)ที่สถิตอยู่ ณ ราศีเมษ เนื่องเพราะดาวจันทร์(๒)นี้คือเจ้าเรือนของราศีกรกฎนั่นเอง โดยทั่วไป โหรใช้พยากรณ์สิ่งที่เจ้าชะตาต้องการหรือสิ่งที่กังวลสนใจ
จุดเจ้าชะตาที่สามที่โหรมักจะใช้กันคือ ดาวอาทิตย์(๑) จุดนี้จะใช้สำหรับตรวจดูทางกายภาพ (Physical) เช่นลักษณะของร่างกายหรือสุขภาพของเจ้าชะตา
เมื่อทราบดังนี้แล้ว ต่อไปเรามาดูกันว่าพระองค์ท่านจะทรงแก้ไขอย่างไรเมื่อดาวมฤตยู(๐)โคจรมากระทบกับจุดเจ้าชะตาของพระองค์
ทรงผนวช วันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๙๙ |
ทรงผนวช
โดยปกติแล้วผู้ชายชาวไทยมักจะอุปสมบทหรือบรรพชาเมื่ออายุครบ20ปีบริบูรณ์ แต่สำหรับพระองค์ท่านทรงผนวชในวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2499 ในขณะพระชนมายุย่าง 29 พรรษา ทำไมล่ะครับ?
ช่วงที่พระชนมายุ 20 พรรษา พระองค์ท่านยังทรงมีภารกิจทางการศึกษาอยู่ หลังจากนั้นพระองค์ท่านก็ยังไม่มีโอกาสให้ทรงผนวช เนื่องจากพระองค์ท่านยังทรงติดภารกิจต่างๆในต่างประเทศ รวมถึงพระองค์ยังทรงได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อปีพ.ศ. 2491 จนกระทั่งทรงได้พบรักและทรงมีพระบรมราชาภิเษกในที่สุด ดังที่ผมได้กล่าวถึงในตอนที่แล้ว
และเป็นธรรมดาสำหรับคนที่มีครอบครัวแล้วก็ต้องมีบุตรธิดา พระองค์ท่านก็เช่นกัน ทรงมีพระราชธิดาและพระราชโอรส ก่อนที่ดาวมฤตยู(๐)จะโคจรทับพระลัคนาระหว่างวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2496 ถึง วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2503 ในระหว่างนั้นยังมีดาวราหู(๘)โคจรเข้าเรือนปุตตะ(บุตรบริวาร)ระหว่างวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2498 ถึง วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 ซึ่งก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้พระองค์ท่านทรงออกผนวช เนื่องเพราะอาจจะเกรงว่าพระราชธิดาและพระราชโอรสจะทรงได้รับอันตรายเหมือนกับที่พระองค์ท่านเคยประสบมาแล้วจากการที่ดาวราหู(๘)โคจรทับดาวเจ้าเรือนพระลัคนาในราศีเมษ
การที่พระองค์ท่านทรงผนวชนั้น ในทุกยุคทุกสมัย บุคคลชั้นสูงมักจะนำมาใช้ในการแก้เคล็ดเพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ นัยว่าเป็นการตายจาก จะได้หมดเคราะห์กันไป เราๆท่านๆก็สามารถนำเทคนิคนี้ไปใช้กันได้นะครับ แต่ข้อสำคัญที่ไม่ควรละเลยก็คือ ฤกษ์สึก ซึ่งถือเป็นการเกิดใหม่ จึงต้องมีการวางฤกษ์ให้ดี เพื่อที่ว่าชีวิตหลังสึกจะได้ดีตามฤกษ์ที่วางไว้
ดวงพระชะตาจร ณ วันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เวลา ๑๕.๕๒ นาฬิกา (ตัวเลขสีแดง) สัมพัทธ์ กับดวงพระชะตากำเนิด(ตัวเลขสีดำ) |
สวรรคต
วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เป็นวันที่ผมเองคาดไม่ถึง เพราะผมคิดไปเองว่า ดาวเสาร์(๗)ที่กำลังโคจรทับดาวอาทิตย์(๑)กำเนิดซึ่งทำให้พระวรกายอ่อนแอ และดาวมฤตยู(๐)ที่กำลังโคจรทับดาวจันทร์(๒)เจ้าเรือนพระลัคนาอยู่ ยังไม่น่าจะทำอะไรได้ น่าจะมีอีกหนึ่งดวงคือดาวราหู(๘)ซึ่งเป็นเจ้าเรือนมรณะของพระองค์ท่านกำลังโคจรเข้ามาทับพระลัคนาในวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2560 ด้วยเหตุนี้ ผมคาดคะเนไว้ในเบื้องตนว่าพระองค์ท่านน่าจะสวรรคตตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป
แต่กาลกลับไม่เป็นเช่นนั้น ผมก็เลยต้องรีบย้อนกลับมาดูใหม่ว่าทำไมไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ผมก็เลยพบข้อสังเกตุอีกอย่างหนึ่งคือ ดาวจันทร์(๒)เจ้าเรือนพระลัคนากำลังโคจรอยู่ในเรือนมรณะนั่นเอง
สรุปได้ว่านอกจากดาวมฤตยู(๐)แล้ว เราก็ต้องระวังดาวเจ้าเรือนลัคนาของตัวเองด้วย เมื่อใดก็ตามที่ดาวเจ้าเรือนลัคนาโคจรอยู่ในตำแหน่งด้อยเช่น ประ หรือนิจ รวมถึงการโคจรอยู่ในทุสถานะภพอันได้แก่ อริ มรณะ หรือวินาสน์ ก็เป็นไปได้ว่าสุขภาพจะอ่อนแอลงกว่าปกติ ความคิดความอ่านก็มักจะไม่คล่องแคล่วว่องไว ไม่มีความสุข
สำหรับพระองค์ท่านแล้ว เมื่อไรที่ดาวจันทร์(๒)เจ้าเรือนพระลัคนาโคจรในราศีพิจิก(นิจ) หรือราศีธนู(อริ) หรือราศีมังกร(ประ) หรือราศีกุมภ์(มรณะ) หรือราศีเมถุน(วินาสน์) ก็ล้วนทำให้พระองค์ท่านทรงพระประชวรได้ทั้งสิ้น
ถ้าถามว่าทรงพระประชวรบ่อยแค่ไหน ผมขอบอกว่า ตั้งแต่ดาวมฤตยู(๐)โคจรทับดาวจันทร์(๒)เจ้าเรือนพระลัคนาเมื่อตอนต้นปีพ.ศ. 2559 พระองค์ท่านจะทรงพระประชวรแทบทุกเดือน เพราะดาวจันทร์(๒)โคจรผ่านราศีที่บอกทุกเดือน (ดาวจันทร์โคจรผ่านทุกราศีจะใช้เวลาประมาณเกือบหนึ่งเดือน)
อีกประการหนึ่งก็คือดาวมฤตยู(๐)เป็นดาวที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์แบบปัจจุบันทันด่วน ไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่ทันตั้งตัว ก็อาจเป็นเหตุให้พระองค์ท่านสวรรคตแบบที่ใครๆหรือแม้กระทั่งผมเองก็ไม่ทันได้เตรียมใจไว้ก่อน
จริงๆแล้วผมยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่สามารถนำมายกตัวอย่างได้ เช่นเหตุการณ์ทางการเมืองต่างๆ ความสัมพันธ์ของพระองค์ท่านกับบุคคลทางการเมืองการทหาร แต่เกรงว่าจะใช้เวลานานเกินไป ก็เลยขอจบบทความพระอัจฉริยภาพทางด้านโหราศาสตร์ของพระองค์ท่านไว้เพียงเท่านี้ และขอน้อมส่งเสด็จพระองค์ท่านสู่สวรรคาลัยด้วยเทอญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น