คริปโต อะไร ?
ก่อนอื่น ขอเกริ่นนำแบบสรุป คร่าวๆ ง่ายๆ ให้ฟังก่อนสำหรับผู้ที่ยังไม่ทราบว่า คริปโตเคอเรนซี่ คืออะไร มีวิธีการใช้อย่างไรบ้าง ต่อไปนี้ผมจะเรียกสั้นๆว่า คริปโต ก็แล้วกันครับ
- คริปโต คือ สกุลเงินรูปแบบหนึ่ง มีอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆทั่วโลก ไม่ต้องใช้โลหะหรือกระดาษเหมือนสกุลเงินทั่วไป(Fiat currency)ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
- คริปโตสกุลแรกที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกคือ บิทคอยน์(Bitcoin) ถือกำเนิดขึ้นในปีพ.ศ.2552 ถัดมาคือ อีเธอเรียม(Ethereum) ถือกำเนิดขึ้นในปีพ.ศ.2558 ส่วนสกุลอื่นๆที่เกิดตามมาก็จะใช้พื้นฐานเดียวกันกับ 2 สกุลนี้
- การลงทุนทำได้โดยใช้สกุลเงินทั่วไปหรือคริปโตเองก็ได้ เข้าซื้อ-ขายตามอัตราแลกเปลี่ยน ผ่านตัวแทนต่างๆเช่น CoinBase, Binance, Zipmex, Bitkub, ... ซึ่งต้องทำการเปิดบัญชีไว้ก่อน เหมือนกับบัญชีธนาคาร มักจะเรียกบัญชีเหล่านี้ว่า กระเป๋า(Wallet) ส่วนตัวแทนต่างๆเรียกว่า ตลาด ทำหน้าที่คล้ายๆตลาดหุ้นหรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา
- ผลกำไรเกิดจากการซื้อถูกแล้วขายในราคาที่แพงกว่า โดยการคาดการณ์ราคาจากกราฟที่ตัวแทนหรือตลาดต่างๆได้จัดทำแอป หรือเว็บไซต์ ไว้ให้สำหรับนักเทรด(Trader)หรือผู้ทำการซื้อขาย
- เทคโนโลยีที่ใช้อยู่เบื้องหลังคริปโตคือ บล็อกเชน(Blockchain) ทำหน้าที่ยืนยันและบันทึกรายการเคลื่อนไหวต่างๆเช่น การซื้อ ขาย และโอน ของแต่ละกระเป๋า โดยมีการเข้ารหัสไว้ทุกๆรายการ
- ผู้ที่ทำหน้าที่ยืนยันรายการเคลื่อนไหวต่างๆนั้นเรียกว่า นักขุด(Miner) ซึ่งจะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บรรจุโปรแกรมระบบบล็อกเชนไว้ภายใน โดยนักขุดจะได้รับผลตอบแทนเป็นคริปโตจากการยืนยันรายการเป็นผลสำเร็จ แต่ก็ต้องแข่งกันยืนยันกับเครื่องอื่นๆที่มีอยู่ทั่วโลก ใครมีเครื่องแรงๆก็ได้เปรียบ
- ราคาคริปโตมีความผันผวนสูง ขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย เช่น ข่าวดีทำให้ราคาขึ้นสูง ข่าวร้ายทำให้ราคาตก การเก็งกำไรจากนักเทรดรายใหญ่ ฯลฯ บางปัจจัยก็ดูเหมือนไม่น่าจะเกี่ยวข้องแต่ก็เกี่ยว ทำให้คาดเดาได้ยากว่าราคาจะขึ้นหรือลงกันแน่
- ในปัจจุบัน การซื้อขายสินค้าด้วยคริปโต ยังไม่เป็นที่นิยมในประเทศไทยมากนัก เนื่องจากมีปัญหาหลายประการ เช่น ยังไม่มีการเตรียมตัวถึงผลกระทบกับเงินบาทเท่าที่ควร กฎหมายยังไม่เอื้ออำนวย ความพร้อมของประชาชนยังไม่เพียงพอ รวมทั้งเทคโนโลยีก็ยังพัฒนาอยู่ในวงจำกัด
คริปโต เมื่อไร ?
ดาวมฤตยู(๐)ในปีพ.ศ.2552-2558 |
ดาวมฤตยู(๐)คือดาวที่ใช้พยากรณ์ถึงเหตุการณ์ที่มักจะเปลี่ยนแปลงแบบทันทีทันใด หรือเปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือ บางทีก็หมายถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งโหราศาสตร์ก็ได้ และมีคาบการโคจรราศีละ 7 ปีโดยประมาณ
ในกรณีนี้พยากรณ์ได้ว่า ปีพ.ศ.2552-2558 จะมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเกี่ยวกับการเงินแต่ยังไม่เปิดเผยเท่าไรนัก เพียงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ
ดาวมฤตยู(๐)ในปีพ.ศ.2558-2565 |
และวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2565 นี้ ดาวมฤตยู(๐)จร กำลังจะโคจรย้ายราศีมาสถิตเรือนกดุมภะทับดาวอังคาร(๓)กำเนิดซึ่งเป็นดาวประจำตัว(ตนุลัคน์)ของเมืองไทยหรือเป็นลัคนาที่สองของดวงเมืองนั่นเอง
แต่ดาวมฤตยู(๐)จร ก็ยังโคจรถอยกลับมาทับลัคนาในราศีเมษอีกครั้งระหว่างเดือนธันวาคม พ.ศ.2565ถึงต้นเดือนมีนาคม พ.ศ.2566 ซึ่งอาจมีเหตุการณ์ทางการเมืองสำคัญๆอีกเช่น การเลือกตั้ง ก็เป็นได้ (อันนี้ผมพยากรณ์แถมให้ครับ) หลังจากนั้นจึงจะย้ายไปสถิตเรือนกดุมภะแบบถาวรจนถึงปีพ.ศ.2572กันเลยทีเดียว
ดาวมฤตยู(๐)ในปีพ.ศ.2565-2572 |
ดังนั้น เราจะมีเวลาประมาณ 7 ปีในการปรับตัว หรือจะพูดให้ชัดเจนก็คือ มีเวลาในการทำกำไรจากคริปโตไม่เกิน 7 ปีนับจากนี้ หลังจากนั้นก็จะมีการเปลี่ยนแปลงด้านอื่นๆต่อไป
การใช้โหราศาสตร์ไทยทำกำไรจากคริปโต
จากการเฝ้าติดตามราคาซื้อขาย โดยส่วนใหญ่แทบทุกสกุลมักจะเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ถ้าขึ้นก็ขึ้นพร้อมๆกันหรือไล่เลี่ยกัน ถ้าลงก็จะลงใกล้เคียงกัน แตกต่างกันที่เปอร์เซนต์ขึ้นลงของราคาต่างกัน ...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น