วันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

รู้จังหวะชีวิต ด้วยโหราศาสตร์ไทย

เชื่อมั๊ย? ผมรู้ตัวก่อนล่วงหน้าถึง 5 ปี ว่าจะต้องเกษียณก่อนกำหนด !!!
ท่านที่เคยอ่านบทความแนะนำตัวของผมในเว็บบล็อก "โหรพิเภก" (https://ipipek.blogspot.com/2014/05/blog-post.html) เผยแพร่เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ลองอ่านถึงย่อหน้าท้ายๆ ที่บอกว่าจะปลดเกษียณตอนอายุ 55 ปี หรือปีพ.ศ. 2562 ... ทำไมผมจึงพยากรณ์อย่างนั้น มาดูกันครับ

พิจารณาดาวจรกระทบดาวกำเนิด ไล่เรียงไปตามกาลเวลา เริ่มจาก ...

๑. ราหู(๘)จรถึงอังคาร(๓)กำเนิด และเสาร์(๗)กำเนิด ตั้งแต่ปลายปี 60 จนถึง ต้นปี 62 จะถูกบังคับด้วยกฎระเบียบ รวมถึงกฎหมายต่างๆ ทำให้กิจกรรมหรืองานที่ทำหยุดชะงักได้ แต่ข้อดีคือจะได้รับผลประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะเรื่องเงินๆทองๆ (ลองย้อนกลับไปดูโพสต์ก่อนๆ เกี่ยวกับลาภใหญ่ครับ)

๒. จากนั้นราหู(๘)จรย้ายสถิตภพกัมมะ ตอนต้นปี 62 ถึง ปลายปี 63 จะเกิดข้อขัดแย้งในการทำงาน หรือมีอุปสรรคปัญหามากมายจากการทำงาน ซึ่งต้องระดมทั้งความรู้ที่มีอยู่ และมีการเรียนรู้ใหม่ๆเกิดขึ้น เพื่อให้กิจกรรมนั้นบรรลุผลสำเร็จให้ได้

๓. ในขณะเดียวกันนั้น เสาร์(๗)จรถึงราหู(๘)กำเนิดในภพกัมมะ ตั้งแต่ปลายปี 60 ถึงต้นปี 63 จะได้ลาภผลเงินทองก้อนใหญ่จากหน้าที่การงาน ... จุดนี้ทำให้ผมคิดว่า ปลายปี 62 นี่แหละ เหมาะที่จะเกษียณที่สุด เพราะเหตุการณ์ลักษณะนี้ เคยเกิดกับผมมาแล้วเมื่อประมาณเกือบ 15 ปีก่อน ต้องออกจากงาน เนื่องจากนายจ้างปิดกิจการ ได้รับเงินชดเชยก้อนใหญ่ทีเดียว

ถ้าผมเกษียณปลายปี 62 แล้วปี 63 ล่ะ หลังจากเกษียณแล้วจะเป็นยังไง

๔. เสาร์(๗)จรย้ายราศีต้นปี 63 ถึงอังคาร(๓)กำเนิด อันนี้บอกว่า งานหนัก งานมีปัญหา งานล่าช้า ไปจนถึงโยกย้ายงาน และตกงาน ซึ่งเหมาะกับการเริ่มสร้างงานของตัวเอง

แต่ แต่ แต่ ...

๕. เสาร์(๗)จรพักร์(ถอยหลัง)ช่วงครึ่งหลังปี 63 ย้ายกลับมาถึงราหู(๘)กำเนิดอีกรอบ ... เอ๊ะ! หรือว่าจะได้เงินก้อนใหญ่อีกรอบ

๖. เสาร์(๗)จรย้ายราศีปลายปี 63 ถึงอังคาร(๓)กำเนิดอีกรอบ จนถึงต้นปี 66 (เหมือนข้อ 4.) งานหนัก งานมีปัญหา งานล่าช้า ไปจนถึงโยกย้ายงาน และตกงาน ซึ่งเหมาะกับการเริ่มสร้างงานของตัวเอง ... แต่คราวนี้เป็นของจริง

อย่างไรก็ตาม เมื่อการโคจรของดวงดาวบอกว่า จะมีโอกาสได้ถึง 2 ครั้ง คือปลายปี 62 และ 63 ... นั่นหมายถึง การเกษียณก่อนกำหนดของผม อาจเป็นได้ทั้งปลายปี 62 และ 63 ด้วยเหมือนกัน ในตอนที่ผมเขียนบทความแนะนำตัวนั้น ผมยังเชื่อมั่น และอยากให้เป็นปี 62 มากกว่า เผื่อว่าจะได้อีกรอบตอนปลายปี 63

แต่เรื่องจริงคือ ปลายปี 62 ยังไม่สามารถเกษียณได้ตามที่หวัง เป็นเพราะผมได้เงินก้อนใหญ่จากผู้มีอุปการคุณแบบคาดไม่ถึง เพื่อมาปิดบัญชีเงินกู้ซื้อบ้าน ซึ่งทำให้ผมปลดหนี้ก้อนนี้หมดเลยทีเดียว ... ผมยังคงมุ่งมั่นทำงานต่อไป ถือว่าไม่เสียหายอะไร เงินเดือนก็มีให้ใช้โดยไม่ต้องผ่อนชำระค่าบ้านแล้ว จนผมลืมสนิทไปเลยว่า ยังมีความหวังอีก 1 ครั้ง

และในที่สุด สวรรค์เข้าข้างผม การยื่นขอเกษียณก่อนกำหนดได้รับการอนุมัติในปลายปี 63 จริงๆ (ตามข้อ 5.) หลังจากที่รอมานาน ได้รับเงินชดเชยมากโข ปิดบัญชีเงินกู้ซื้อรถยนต์อีกนิดหน่อย เป็นอันหมดหนี้หมดสิน 100 เปอร์เซนต์ สบายใจเฉิบ

... ผ่านมาแล้ว 2 ปีกว่า (ตามข้อ 4.) ผมมีเวลาสร้างสรรค์ผลงานออกมาหลายชิ้น ตามที่ทุกๆท่านได้เห็นผ่านตากันมาแล้ว และชีวิตก็เป็นไปตามลักษณะการโคจรของดวงดาวทุกประการ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า

"ผู้ที่เรียนรู้ และเข้าใจการโคจรของดวงดาว
ย่อมวางแผนชีวิตได้ดีกว่าไม่เรียนรู้อะไรเลย"


วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

"ราหู" ส่งผลดีได้อย่างไร

พอราหูย้ายราศีแต่ละครั้ง ก็มักจะมีหมอดูออกมาทำนายถึงความร้ายแรงอยู่ตลอดเวลา และเมื่อเดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมาก็เช่นกัน ได้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่สนใจ ไปกราบไหว้รูปเคารพที่มีความศรัทธาอยู่เนืองๆ


ดาวราหู(๘) เป็นดาวบาปเคราะห์ที่ดูน่ากลัวสำหรับหลายๆคน เพราะมักจะทำให้เกิดเรื่องร้ายๆบ่อยครั้ง เช่น ป่วย ทะเลาะ บางทีถึงขั้นเสียชีวิต แม้แต่โหรบางท่านที่ลัคนาสถิตราศีกุมภ์ มีราหู(๘)เป็นตนุลัคน์ ก็ยังทำใจไม่ค่อยได้(ฮา) ด้วยกลัวฤทธิ์ของราหูนั่นเอง

จริงๆแล้ว ราหู(๘) มีทั้งคุณและโทษ เวลาให้คุณขึ้นมาละก็ เกินคุ้มเลยทีเดียว การวิเคราะห์ถึงการให้คุณก็ไม่ยากเย็นอะไร สามารถดูจากตำแหน่ง เกษตร อุจ องค์เกณฑ์ ตามตำราว่าไว้

ส่วนจะเป็นเรื่องหรือเหตุการณ์อะไรนั้น ก็ดูจากเรือนที่สถิตอยู่ และราหู(๘)เป็นเจ้าเรือนอะไร ... ไม่ยากนะครับ

ผมมีตัวอย่างจากตำราเล่มหนึ่ง ก็มีความเห็นเกี่ยวกับราหูไปในทางที่ดีและร้าย ตามรูปใต้โพสต์นี้ ที่สำคัญคือ ผมมีตัวอย่างดวงจริง ประสบการณ์จริง ให้ดูด้วยว่า เป็นไปตามตำราจริงๆ ...

ดวงนี้เป็นนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดม ศึกษา ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับชั้นมัธยมปลายอันดับ 1 ของประเทศ ที่สอบเข้าได้ยากมากที่สุด
 
ในขณะที่สอบเข้าเรียนชั้นมัธยมต้น เด็กคนนี้ก็สอบเข้าได้เป็นอันดับ 1 ของโรงเรียนอีกด้วยนะครับ นั่นหมายถึงการเป็นผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลมเป็นอย่างยิ่ง ...

เอาไว้สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ก่อน แล้วผมจะมาเล่าให้ฟังอีก ดูจากมฤตยู(๐)กุมลัคน์แล้ว ไม่พ้นแพทย์ หรือวิศวะ หรือเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูงแน่ๆครับ.


ดวงแต่งงาน ดูอย่างไร

ปลายปีพ.ศ.2565 ผมถูกไหว้วานให้ช่วยดูฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่เพื่อจัดงานมงคลสมรสไปพร้อมๆกัน ถ้าเพียงแต่ขึ้นบ้านใหม่ ก็คงเลือกวันดีตามหลักกาลโยค แล้วย้ำความปังด้วยฤกษ์จันทร์อีกทีหนึ่ง ... แต่นี่จะจัดพิธีมงคงสมรสด้วย แบบนี้ก็ต้องขอวันเดือนปีเกิด เวลาตกฟาก และจังหวัดเกิด ของทั้งคู่บ่าวสาวมาตรวจดูก่อนว่า จะมีโอกาสแต่งงานกันหรือไม่

หลังจากตรวจดูแล้ว ยืนยันได้ว่าวันเกิดของเจ้าสาวเป็นข้อมูลที่ถูกต้องเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ในอดีต แต่สำหรับของเจ้าบ่าว ยังไม่มีเหตุการณ์ในอดีตมายืนยัน ก็เลยต้องใช้ดวงของเจ้าสาวเพียงดวงเดียว
โดยปกติ กฎเกณฑ์ที่ใช้วิเคราะห์กันทั่วไป มักเป็นดังนี้

๑. พฤหัส(๕)จรกุมจันทร์(๒)กำเนิด หรือ พฤหัส(๕)จรสถิตเรือนปัตนิ / อันนี้ผมพบเจอเป็นส่วนใหญ่จากการดูดวง ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือชาย
๒. ตนุลัคน์จร หรือ ดาวศุภเคราะห์จร(มากกว่า 1 ดวง) สถิตเรือนปัตนิ
๓. เจ้าเรือนปัตนิจรสถิตเรือนปัตนิ หรือเป็นเกษตร
๔. เจ้าเรือนปัตนิจรกุมเจ้าเรือนปัตนิกำเนิด
๕. ...

สรุปแบบง่ายๆ คือมีดาวศุภเคราะห์จรโดยเฉพาะ พฤหัส(๕) และศุกร์(๖) โคจรสัมพันธ์กับเรือนปัตนิหรือเจ้าเรือนปัตนิกำเนิดนั่นเอง

แต่ถ้าใครแต่งงาน หรือมีครอบครัวอยู่แล้ว และบังเอิญมาอ่านโพสต์นี้เข้า แล้วเห็นว่าดาวกำลังโคจรเข้าตามเกณฑ์ที่ผมบอกนี้ ก็อย่าริอ่านไปแต่งซ้ำซ้อนนะครับ ... เดี๋ยวมีเรื่อง (ฮา)





วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

ดวงมีลาภใหญ่ ดูอย่างไร

อ่านข่าวเห็นคนถูกรางวัลที่ 1 ถึง 2 ครั้ง ก็เลยไปหาสถิติเก่าๆของคนที่ถูกรางวัลที่ 1 เช่นกันตามรูปในโพสต์นี้ เทียบกับหลักเกณฑ์ทางโหราศาสตร์ และประสบการณ์จริงที่ผมก็เคยได้คล้ายๆแบบนี้ ขอเน้นว่า มักจะได้เป็นเงินทองก้อนใหญ่ๆ ... ดังนี้ครับ

"อสุรินทร์(๘)ต้องเสารา(๗)
พระสุริยา(๑)ต้องครู(๕)เป็นคู่คง
เสาร์(๗)เล็งอสุรา(๘)ท่านว่าไว้
เป็นโชคใหญ่ในปีนั้นดังประสงค์"

หมายถึง ราหู(๘)จรถึงเสาร์(๗)กำเนิด และ เสาร์(๗)จรถึงราหู(๘)กำเนิด และอาทิตย์(๑)จรถึงพฤหัส(๕)กำเนิด

แต่ตามประสบการณ์จริง และตามรูปดวงตัวอย่างของจริงนี้ ปรากฎว่า ราหู(๘)จรถึงเสาร์(๗)กำเนิด หรือ เสาร์(๗)จรถึงราหู(๘)กำเนิด อันใดอันหนึ่งก็ได้ครับ แล้วรอให้อาทิตย์(๑)จรถึงพฤหัส(๕)กำเนิดหรือเพียงแค่เข้าใกล้ ก็จะได้ลาภใหญ่เหมือนกันครับ

ส่วนจะได้จากเรื่องอะไรนั้น ต้องดูกันเป็นรายๆไป เช่น ในดวงตัวอย่างนี้ พฤหัส(๕)เจ้าเรือนลาภะได้ตำแหน่งอุจ และตนุลัคน์(๖)สถิตเรือนปุตตะ เรียกว่ามีโชคดีและชอบเสี่ยงโชคอยู่แล้วตามดวงกำเนิด ก็เลยได้จากการเสี่ยงโชคนั่นเอง

บางคนได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์
บางคนได้จากการกู้เงินจากสถาบันการเงิน
บางคนได้จากการใช้เงินลงทุน ...

คือคนที่ไม่ชอบเสี่ยงโชคก็มีโอกาสได้เช่นกันครับ จากประสบการณ์จริง ผมเองเคยได้จากการทำงานแต่ต้องมีการพลัดพราก ...

ครั้งแรก ผมได้จากเบี้ยเลี้ยงเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ ต้องพลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอน
ครั้งที่สอง ได้จากเงินชดเชยออกจากงาน เพราะองค์กรไม่ดำเนินกิจการต่อ ต้องพลัดพรากจากผู้ร่วมงานทั้งหมด
ครั้งที่สาม ก็ได้ชดเชยออกจากงานเช่นกัน ต้องพลัดพรากจากผู้ร่วมงานอีกเช่นกัน
ตอนนี้ ผมรอครั้งที่สี่อยู่ครับ (ฮา) ...



ดวงประสบอุบัติเหตุ จากประสบการณ์จริง

ผมจำภาพที่พี่สาวคนโตไปส่งผมขึ้นรถไฟที่สถานีหัวลำโพงได้ดี วันนั้นคือวัน "รับน้องรถไฟ" (เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2526 ) ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการต้อนรับน้องใหม่ และช่วยคลายความห่วงใยของครอบครัวที่ต้องจากกันไปไกล ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีอินเตอร์เน็ต และโทรศัพท์มือถือให้ใช้เหมือนปัจจุบัน มีแต่โทรศัพท์บ้านที่ค่าโทรทางไกลแสนแพง

เธอน้ำตาคลอเบ้าด้วยความสงสารน้องชาย เพราะผมเป็นเด็กเนิร์ด ชีวิตมีแต่การเรียน ไม่เคยไปไหนไกลๆมาก่อน มีแค่ เช้าออกจากบ้าน ไปโรงเรียน เย็นกลับบ้าน ... วนเวียนอยู่แค่นี้จริงๆ แล้วจะเอาตัวรอดได้ยังไง ทำอะไรๆด้วยตัวเองก็ไม่ค่อยเป็น

การเรียนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ของผมเป็นไปด้วยดีจนจบภาคเรียนที่ 1 ... ปิดเทอมแล้ว ผมเดินทางไกลกลับบ้านเองคนเดียว ชีวิตดูแกร่งขึ้นมากโข เพราะทำอะไรๆด้วยตัวเองทั้งหมด โดยไม่ต้องมีครอบครัวมาคอยดูแลอีกแล้ว

ถึงบ้าน ผมเจอแม่รอรับผมอยู่คนเดียว "คนอื่นๆหายไปไหนกันหมดครับ"
คำแรกที่ได้ยินจากแม่คือ "พี่ตุ้ยถูกรถชน ตอนนี้อยู่ในห้องไอซียู"
ผมเริ่มใจหายแว๊บ ขมวดคิ้ว ถามต่อ "เมื่อไหร่"
"2 3อาทิตย์ก่อน" แม่ตอบเหมือนชินกับสถานการณ์แล้ว
พี่ตุ้ยถูกรถชนในช่วงที่ผมกำลังสอบปลายภาค ก็เลยไม่มีใครกล้าโทรบอก
"อาบน้ำกินข้าวแล้วไปโรงพยาบาลกัน" แม่เสียงสั่นเครือ ...

ผมขึ้นแท็กซี่ไปโรงพยาบาลกับแม่ทันทีด้วยชุดเดิม ... ถึงโรงพยาบาล แม่พาผมไปยืนอยู่หน้าห้องไอซียู

ผมน้ำตาคลอเบ้าด้วยความสงสารพี่สาว เพราะเธอเป็นเด็กเนิร์ดเช่นเดียวกัน ชีวิตมีแต่หนังสือ เช้าออกจากบ้าน ไปทำงาน เย็นกลับบ้าน อ่านหนังสือ ... วนเวียนอยู่แค่นี้จริงๆ

วันเกิดเหตุ เป็นวันที่เธอกำลังไปติวหนังสือให้เพื่อนๆที่เรียนป.โทด้วยกัน ... รถเมล์จอดห่างจากฟุตบาท เธอก้าวจากรถลงบนพื้นถนน ในขณะที่มีมอร์เตอร์ไซค์ขับเลียบฟุตบาธพุ่งเข้ามาชนเธอล้มลง หัวกระแทกกับฟุตบาธ จนเลือดออกในสมอง ต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน ...

นี่เป็นเรื่องจริงที่ขอฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ในการใช้รถใช้ถนน อย่าทำผิดกฎจราจร และอย่าประมาท ... ตอนนี้เธอเสียชีวิตไปนานประมาณ 20 ปีแล้วครับ (พ.ศ.2546)



เล่ามาเสียยืดยาว ผมขออนุญาตนำดวงชะตาของเธอในวันที่เกิดอุบัติเหตุ มาวิเคราะห์ให้ได้เรียนรู้กันเป็นกรณีศึกษา ซึ่งการเรียนรู้จากตำราแต่เพียงอย่างเดียว คงไม่สามารถทำให้เกิดความน่าเชื่อถือของโหราศาสตร์ไทยได้ดีนัก นอกจากการเปรียบเทียบกับประสบการณ์จริง ... ดังนี้ครับ
(วิเคราะห์ส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุเท่านั้น)

ดวงกำเนิด
๑. ลัคนา(ลั)สถิตราศีกรกฎ / รักถิ่นที่อาศัย ชอบอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ... ข้อเท็จจริงเป็นไปตามตำรา
๒. มฤตยู(๐)กุมลัคนา(ลั) / กระต่ายตื่นตูม ตื่นเต้นตกใจง่าย alert จนดูซุ่มซ่าม ... อันนี้ก็จริงตามตำรา
๓. ตนุลัคน์(๒)ได้นิจกุมอังคาร(๓)และเสาร์(๗) / เป็นหญิงห้าว อารมณ์ร้อน ทุกข์ใจเสมอ ทำงานอย่างอดทน ... ตามนั้น
๔. อังคาร(๓)กุมเสาร์(๗) / คู่ผ่าตัด ... ส่งผลกับตนุลัคน์(๒)ที่กุมกันอยู่ ทำให้ต้องมีการผ่าตัดใหญ่จริงๆ

ดวงจรวันที่เกิดอุบัติเหตุ
๑. มฤตยู(๐)จรกุมตนุลัคน์(๒)กำเนิด / เปลี่ยนใจง่าย ตัดสินใจไม่เด็ดขาด
๒. มฤตยู(๐)จรกุมอังคาร(๓)กำเนิด / พบเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทำกิจกรรมที่เสี่ยงกับอุบัติเหตุ
๓. มฤตยู(๐)จรกุมเสาร์(๗)กำเนิด / โรคทางสมอง หัวใจวาย ถึงแก่กรรมผิดธรรมชาติ ... ข้อเท็จจริงคือต้องผ่าตัดสมอง
๔. อังคาร(๓)จรกุมลัคนา(ลั) / ถูกทำร้าย เจ็บป่วย ... ข้อเท็จจริงคือถูกรถชน
๕. อังคาร(๓)จรกุมมฤตยู(๐)กำเนิด / คู่อุบัติเหตุ เจ็บเนื้อเจ็บตัว
๖. ตนุลัคน์(๒)จรสถิตเรือนมรณะ / เป็นเงื่อนไขย้ำให้ประสบอุบัติเหตุในวันนั้น

สำหรับดวงอื่นๆก็ใช้หลักการคล้ายๆกันนี้ คือดาวที่เกี่ยวข้องทุกดวงต้องทำหน้าที่อย่างสอดคล้องกัน จะใช้เพียงดาวเดียวก็คงตัดสินไม่ได้ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริงๆ ... นี่เป็นประการสำคัญ



วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2566

เรียนโหราศาสตร์ไทย ผ่านคอร์สออนไลน์ ตำรา และแอป

ผมเริ่มสนใจวิชาโหราศาสตร์ไทยมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2539 จากการทำนายทายทักของเพื่อนฝูงของบิดา เกิดความสงสัยว่า ทำไมทายได้ใกล้เคียงความจริงมาก ผมถามไปตรงๆว่า "รู้ได้ยังไงครับ" ท่านก็หัวเราะ หึ หึ แต่ไม่ได้ตอบอะไร ผมได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ จะถามว่าไปเรียนมาจากไหนก็เกรงใจ กลัวท่านจะสอนให้ฟรีๆ

หลังจากนั้น ก็เลยลองจ่ายค่าครูให้หมอดูในงานกาชาดได้ดูดวงแบบเป็นกิจลักษณะ เสร็จสรรพเรียบร้อย พอมีโอกาสซักถาม ผมก็ถามไปว่า ... "เรียนโหราศาสตร์ได้ที่ไหนครับ" ... "ราคาเท่าไหร่" ... "เรียนวันไหน" ... "นานเท่าไหร่" ... "มีเอกสารหรือตำราเรียนมั๊ยครับ หรือเลคเชอร์เอง" ... "ถ้าตามไม่ทัน เรียนซ้ำได้มั๊ยครับ" ... "คำนวณยากมั้ย แล้วมีโปรแกรมช่วยคำนวณหรือเปล่า ราคาแพงมั้ย" ... ฯลฯ

คำตอบที่ได้ ทำให้ผมต้องล้มเลิกความตั้งใจที่จะเข้าคลาสเรียน เพราะ ... "สถานที่เรียนค่อนข้างไกลจากที่พักของผม เดินทางไม่สะดวก และไม่มีที่จอดรถ" ... "ราคาหลายพันบาท ทำให้เริ่มรู้สึกเสียดายเงิน" ... "เรียนทุกวันเสาร์ แต่ผมทำงานวันเสาร์เว้นเสาร์" ... "ใช้เวลาเรียนนานถึง 3 เดือน ครั้งละประมาณ 2 ชั่งโมง" ... "ใช้ชีทประกอบการสอน" ... "ให้เรียนซ้ำได้ในรอบต่อไปแค่รอบเดียว" ... "ต้องหาโปรแกรมช่วยคำนวณเอง ราคาอีกหลายพันบาท"

แต่ผมก็ยังคงเสาะหาแนวทางเพื่อจะเรียนรู้ให้ได้ ซึ่งโดยปกติ ผมเป็นคนรักการอ่าน ต้องหาโอกาสไปเดินตามร้านหนังสือแทบทุกสัปดาห์ ทำให้ผมได้ตำราโหราศาสตร์กลับมาอ่านที่บ้าน รวมๆแล้วเกือบร้อยเล่ม ทั้งที่เป็นนิตยสารรายเดือน และที่เป็นตำราจริงๆ เสียเงินเสียทองไปเป็นหลักหมื่นแบบไม่รู้ตัว ไม่ได้เสียดายเงินทองหรอกครับ แต่เสียดายที่ไม่มีเวลา และไม่มีโอกาสได้เรียนรู้โดยตรงกับอาจารย์ท่านใด (หลังจากที่ผมพยากรณ์เป็นแล้ว กลับพบว่า ดวงชะตาของผมต้องศึกษาด้วยตัวเองครับ)

กว่าที่ผมจะเข้าใจปรัชญาโหราศาสตร์ไทยพอที่จะพยากรณ์ได้ทั้งชะตาชีวิตโดยรวม(ดวงกำเนิด) และดวงชะตาตามช่วงเวลา(ดวงจร)อย่างปัจจุบัน ก็ปาเข้าไปเกือบปี ในระหว่างทางก็แอบปันใจไปศึกษาศาสตร์พยากรณ์อื่นๆที่ดูง่ายกว่าบ้าง เพราะโหราศาสตร์ไทยมีหลักเกณฑ์มากมาย ยิ่งอ่านมากยิ่งจับต้นชนปลายไม่ถูก ทำให้พยากรณ์ไม่ออกเสียที หลังจากศึกษามาหลายศาสตร์ ผมเริ่มได้คิดว่าโหราศาสตร์ไทยนี่แหละ เหมาะกับผมและชีวิตคนไทยที่สุดแล้ว ก็เลยหันกลับมาสู้อีกครั้งแบบมียุทธวิธี และจะต้องพยากรณ์ให้ได้ โดยไม่เสียเวลาไปเปล่าๆอีกต่อไป

คราวนี้ผมเริ่มด้วยการพิจารณาเลือกอ่านทฤษฎีที่ผู้เขียนแต่ละท่านนิยมใช้เหมือนกันจากหลายเล่ม วิธีนี้ทำให้ผมแยกเนื้อหาที่เป็นแก่นจริงๆออกมาได้ เพราะถ้าไม่ดีจริง ผู้เขียนก็คงไม่เขียน จริงมั้ยครับ ... และที่สำคัญ มันทำให้การพยากรณ์ง่ายขึ้นเป็นกอง ไม่ต้องเปรียบเทียบกับอีกหลายทฤษฎีให้มากความ ส่วนทฤษฎีอื่นๆ ก่อนนำไปใช้จริง ก็ลองใช้กับคนที่เคยพยากรณ์ไปแล้ว ถ้าถูกต้องแม่นยำ ก็จดบันทึกเป็นไฮไลท์เอาไว้ เผื่อนำไปใช้ได้

จากวันนั้นถึงวันนี้ (26/10/2566) ผ่านมา 27 ปีแล้ว ผมมีประสบการณ์การพยากรณ์มากเพียงพอที่จะสรุปเนื้อหาของวิชาโหราศาสตร์ไทยที่ใช้ได้ผลจริงๆออกมาให้ผู้ใฝ่ศึกษาได้เรียนรู้กันอย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องพบเจอกับปัญหาที่ผมเคยประสบมาดังที่กล่าวข้างต้น และเป็นแนวทางสำหรับการเป็นนักพยากรณ์ต่อไปให้เร็วที่สุด ไม่ต้องเสียเวลาอันมีค่าเป็นระยะที่ยาวนานเกินความจำเป็น

ชุดการเรียนรู้เพื่อเป็นนักพยากรณ์ที่ผมได้จัดทำขึ้นนั้น เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นศึกษาไปจนถึงผู้ที่ประกอบเป็นอาชีพ ครบทุกเนื้อหาและเพียงพอที่จะนำไปใช้พยากรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความแม่นยำสูง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกเช่น โปรแกรมหรือแอปช่วยคำนวณ ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องไปเสาะหาที่ไหน เพราะมีรวมไว้ให้แล้วที่นี่ที่เดียว ชุดการเรียนรู้ที่ผมกล่าวถึงนี้มี 4 ชิ้น ได้แก่


1. คอร์สออนไลน์ "แก่นวิชาโหราศาสตร์ไทย"

คือคอร์สการเรียนผ่านคลิปวิดีโอในกลุ่มเฟซบุ๊กชื่อ "แก่นวิชาโหราศาสตร์ไทย" มีโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ที่สามารถเปิดเฟซบุ๊กได้ และเมื่อสมัครเป็นสมาชิกในกลุ่มแล้ว ก็เข้าเรียนได้โดยไม่ต้องเดินทางไปไหน จะเรียนเมื่อไรก็ได้ สอนจบใน 8 ชั่วโมง ถ้ายังจำเนื้อหาในบทเรียนไม่ได้ หรือ ยังไม่เข้าใจ หรือ เรียนจนจบแล้ว ก็สามารถเรียนทบทวนซ้ำได้ไม่จำกัด


ผู้ที่ต้องการทำความเข้าใจอย่างรวดเร็ว ขอแนะนำให้เรียนคอร์สออนไลน์ เพราะในคลิปจะใช้ภาพประกอบที่สร้างความเข้าใจได้ดีกว่าการอ่านจากตำราเพียงอย่างเดียว ซึ่งต้องจินตนาการภาพในสมองเอง บางคนอาจจินตนาการไม่ถูกต้องก็เป็นได้

เนื้อหาเน้นการสอนแบบมีเหตุมีผลเพื่อให้จดจำได้ง่าย ไม่มีเรื่องของอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ใดๆ เริ่มตั้งแต่ความรู้ขั้นพื้นฐาน การวิเคราะห์ ไปจนถึงการพยากรณ์ดวงกำเนิดและดวงจรที่มีหลากหลายรูปแบบ เนื้อหาทุกเรื่องผ่านประสบการณ์การดูดวงมาแล้วทั้งสิ้น แบ่งเป็น 8 บทเรียน 8 คลิป ตามภาพถัดไป


สนนราคาค่าคอร์สก็ไม่ได้แรงจนน่าตกใจเหมือนที่ผมเคยเจอมา แถมมีส่วนลดให้ด้วย ตามนี้ครับ ...

1) เรียนคนเดียว ค่าเรียนคนละ 1295.- บาท หากแชร์โพสต์นี้ ลดเหลือ 1200.- บาท
2) ชวนกันมาเรียน 2 คน รวมจ่ายเพียง 1990.- บาท (จากปกติ 2590.- บาท เฉลี่ยคนละ 995.- บาท)
3) ชวนกันมาเรียน 3 คน รวมจ่ายเพียง 2685.- ปกติ (จากปกติ 3885.- บาท เฉลี่ยคนละ 895.- บาท)

สมัครเรียน 3 ขั้นตอน

1) ผู้สมัครทุกคนเข้าเฟซบุ๊กกลุ่ม "แก่นวิชาโหราศาสตร์ไทย โดย โหรพิเภก" แล้วแตะป้าย "เข้าร่วมกลุ่ม" เพื่อส่งคำขอ
2) โอนค่าสมัครรวมเข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขที่ 062-1-54669-1 ชื่อบัญชี นาย ปิยะนันท์ อนันต์ยศสรกิจ
3) ส่งภาพหลักฐานการโอน และชื่อเฟซบุ๊กของผู้สมัครทุกคน มาที่อินบ็อกซ์เพจ "โหรพิเภก" แล้วรออนุมัติ

2. ตำรา "โหราศาสตร์ไทย ฉบับตกผลึก"

เป็นตำราที่ใช้สำหรับศึกษาด้วยตนเอง เล่มเดียวจบ ครบทุกเรื่องที่นักพยากรณ์ควรทราบ ขนาดพ็อกเก็ตบุ้ค(A5) 300 หน้า พกพาสะดวก ปกเคลือบ PVC ด้าน เนื้อหาเข้มข้น ไม่เยิ่นเย้อ สรุปให้เข้าใจได้ง่ายๆ

บทเรียนในภาคแรก "แก่น" จะเป็นเนื้อหาเดียวกันกับคอร์สออนไลน์ "แก่นวิชาโหราศาสตร์ไทย" แต่มีสิ่งสำคัญคือ คำพยากรณ์ทุกคู่ความสัมพันธ์ทั้งหมดของดวงกำเนิดและดวงจร ตามทฤษฎีการพยากรณ์แบบต่างๆคล้ายกับคัมภีร์จักรทีปนีอันมีชื่อเสียง เพื่อไว้ใช้ค้นหา อ้างอิง หรือเป็นตัวอย่างในการออกคำพยากรณ์เมื่อไม่ทราบจะพยากรณ์อย่างไรดี

ภาคที่สอง "กลเม็ด" คือภาคต่อเนื่องที่นักพยากรณ์ทั้งรุ่นเก่าและใหม่นิยมใช้กัน (แต่ต้องมีความรู้จากภาค "แก่น" มาก่อน) เนื่องจากส่วนใหญ่มีหลักการง่ายๆ แต่ก็มีบางเรื่องที่เข้าใจยากเพราะมีความลึกซึ้งนั่นเอง

ภาคที่สาม "นาม" เป็นเรื่องการตั้งชื่อด้วย 3 ทฤษฎีที่เป็นที่นิยมในประเทศไทย ได้แก่ ทักษา เลขศาสตร์ และอายตนะ

เนื้อหาดังกล่าวข้างต้น มีหัวข้อตามภาพสารบัญต่อไปนี้


ส่วนราคาค่าความรู้ก็ไม่ได้แพงมากมายเมื่อดูจากเนื้อหา มี 2 กรณี คือ
1) ราคาปกติ 375.- บาท ฟรีค่าจัดส่ง
2) ผู้ที่สมัครคอร์สออนไลน์ จะสั่งซื้อได้ในราคาพิเศษ 350.- บาท ฟรีค่าจัดส่ง

วิธีสั่งซื้อ

1) โอนค่าตำราเข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขที่ 062-1-54669-1 ชื่อบัญชี นาย ปิยะนันท์ อนันต์ยศสรกิจ
2) ส่งภาพหลักฐานการโอน และชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรสำหรับจัดส่ง มาที่อินบ็อกซ์เพจ "โหรพิเภก" แล้วรอรับพัสดุ

3. แอปผูกดวง "พิเภกอวตาร (ตติย)"

หลังจากเรียนรู้ภาคทฤษฎีจากคอร์สออนไลน์ และตำราแล้ว เครื่องไม้เครื่องมือที่จะขาดไม่ได้สำหรับภาคปฏิบัติของการพยากรณ์ก็คือ แอป "พิเภกอวตาร(ตติย)" ซึ่งเป็นตัวช่วยสำหรับการคำนวณ โดยมีหลักการทำงานเป็นไปตามขั้นตอนที่ได้เรียนกันมา

ในสมัยก่อน อุปกรณ์สำหรับนักพยากรณ์ที่ใช้กันโดยทั่วไปคือ แผ่นจานหมุนหาลัคนา และหนังสือปฏิทินโหราศาสตร์ ซึ่งใช้เวลาพอสมควรในการคำนวณ ถึงจะไม่เกิน 5 นาที ก็ยังไม่ทันใจอยู่ดี ในยุคปัจจุบัน มีเทคโนโลยีที่ดีกว่า แอปโหราศาสตร์เกิดขึ้นมากมาย จึงมีผู้นิยมใช้แอปมากขึ้นเรื่อยๆ แต่แอปที่ทำขึ้นมาแล้วตรงกับความต้องการ อาจไม่ได้มีเหมือนกันทุกแอป ผมจึงได้จัดทำแอปที่ตรงกับตำราหรือหลักสูตรที่เรียน เพื่อให้การศึกษาเป็นไปแบบเนื้อเดียวกัน และใช้ได้ตามประสบการณ์ดูดวงจริงๆ

เริ่มที่การผูกดวงวางลัคนา เพียงใส่วัน เดือน ปี เวลา หรือจังหวัด แอปจะคำนวณทันทีโดยไม่ต้องแตะที่ใดทั้งสิ้น และยังมีป้ายปุ่มสีขียวรูปลูกศรขึ้นและลง เพื่อใช้เลื่อนขึ้น/ลงของ วัน เดือน ปี หรือ เวลา ที่กำลังใช้อยู่ สะดวกสบายมากขึ้นเพราะไม่ต้องป้อนใหม่เองทุกครั้ง

การวิเคราะห์โยคเกณฑ์ของดวงชะตาตามกฎเกณฑ์ทั้งหมด ก็จะถูกทำไปพร้อมกับการผูกดวง เพียงแค่เข้าใจและจดจำคุณและโทษของเกณฑ์ต่างๆก็เพียงพอ ไม่ต้องจดจำวิธีการวิคราะห์ เพราะแอปจะทำให้เรียบร้อย และแสดงออกมาในรูปแบบตาราง ลดภาระการคำนวณ ลดข้อผิดพลาดจากการวิเคราะห์ที่อาจจะหลงหูหลงตาไปบ้าง

ส่วนการพยากรณ์ แอปก็จะทำไปพร้อมกับการผูกดวงเช่นเดียวกัน บางครั้ง ถ้าจำไม่ได้ทั้งหมด ก็จำเป็นต้องเปิดตำราเพื่อค้นหา แต่ถ้าใช้แอป ก็จะมีตารางให้ดูคำพยากรณ์มาตรฐานตามแบบความสัมพันธ์ต่างๆที่ดึงมาจากตำรา ไม่ต้องพลิกไปพลิกมาจากตำราอีกต่อไป ลดเวลาไปได้ค่อนข้างมาก และยังเป็นคำพยากรณ์เฉพาะดวงชะตานั้นๆอีกด้วย

สำหรับผมแล้ว การใช้แอป ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะจำไม่ได้ถึงวิธีการผูกดวง วิธีวิเคราะห์โยคเกณฑ์ หรือ คำพยากรณ์มาตรฐาน เพราะอ่านได้ทันทีจากในแอป และทำให้การเรียนรู้ที่จะพยากรณ์ เป็นไปอย่างรวดเร็วมากกว่าที่คาดไว้แน่นอน

แอปนี้ สามารถสั่งซื้อได้จาก Play store ที่ พิเภกอวตาร(ตติย) บนระบบแอนดรอยด์ ส่วน iOS คงต้องรอให้การจัดทำเสร็จเรียบร้อยก่อนครับ ตอนนี้มีแผนการทำงานแล้ว คาดว่าปีหน้าคงประกาศให้ทราบได้

ราคาค่าแอปที่ตั้งไว้ลดแล้ว 50% ตอนนี้เหลือเพียง 495.- บาท แต่ราคาที่ปรากฏใน Play store นั้น ขึ้นกับอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ช่วงไหนค่าเงินบาทอ่อน ราคาก็อาจถูกบวกเพิ่มอีกประมาณ 1$ แล้วแต่ว่า 1$ เท่ากับกี่บาท เช่น ถ้า 1$ = 37 บาท ราคาก็อาจกลายเป็น 495 + 37 = 532 บาทครับ


4. แอปปฏิทินโหราศาสตร์ "ปฏิทินโหร หนึ่งพันปี"

เครื่องมือหรืออุปกรณ์เสริมสำหรับนักพยากรณ์ทุกระดับ ที่จำเป็นต้องมีไว้คือปฏิทินโหร ซึ่งในสมัยก่อนต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน จะเห็นว่ามีผู้จัดทำเป็นหนังสือแบบรายปี ต้องคอยติดตามซื้อหามาเก็บไว้ เพื่อดูการโคจรของดาวล่วงหน้า ซึ่งการดูล่วงหน้า ทำให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของดวงชะตาล่วงหน้านั่นเอง

สมัยก่อน เวลาไปไหนมาไหน ก็ต้องสะพายกระเป๋าใส่หนังสือปฏิทินไว้เต็ม เมื่อมีใครต้องการดูดวงชะตา จะได้ควักหนังสือออกมาเปิดได้เลย แต่ก็ต้องแลกกับความหนักของหนังสือ พกมากก็หนักมาก

ปัจจุบันนี้ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยขนาดนั้นอีกแล้ว เพราะมีเพียงโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียวก็สามารถดูดวงชะตากันได้ทันที นอกจากนี้ ยังสามารถดูดวงได้ล่วงหน้าหลายปี ไม่ต้องรอหนังสือปฏิทินรายปีให้เสียเวลา นับว่าสะดวกสบายกว่าแต่ก่อนมาก

ในแอปจะมีการแสดงการโคจร 3 แบบ ได้แก่

1) รายวัน เป็นการแสดงสมผุสของดาวแต่ละดวง และรูปดวงตอนสิ้นวัน ฤกษ์และนักษัตร แถมด้วยการบอกลัคนาฤกษ์ตามช่วงเวลาทั้งวันนั้นๆด้วย ทำให้ทราบว่า ช่วงเวลาใด ลัคนาสถิตราศีใด ฤกษ์ใด นักษัตรใด และนวางศ์ ตรียางศ์ ลูกพิษใดบ้าง
2) รายเดือน จะแสดงรูปดวงตอนสิ้นเดือน วันที่ดาวย้ายราศีในเดือนนั้นๆ และบอกเกณฑ์ของดาวอีกด้วย แบบนี้เป็นแบบที่นิยมดูกันมากเป็นพิเศษ เพราะสรุปให้เห็นกันง่ายๆ
3) รายปี จะแสดงรูปดวงตอนสิ้นเดือนทั้ง 12 เดือน และตารางสมผุสการโคจรตลอดทั้งปี มีลักษณะการโคจรพักร์ มน หรือเสริดให้เห็นด้วย

นอกจากนี้ ยังมีกาลโยคประจำปีสำหรับดูภาพรวมคร่าวๆของวันดี(ธงชัย และอธิบดี) และวันร้าย(อุบาทว์ และโลกาวินาศ)ของปีนั้นๆ ซึ่งถือเป็นฤกษ์ล่างแบบหนึ่ง

แอปนี้จำหน่ายทาง Play store ที่ ปฏิทินโหร หนึ่งพันปี บนระบบแอนดรอยด์ ส่วนราคาตอนนี้ลดแล้ว 50% เหลือเพียง 129.50 บาทเท่านั้น คาดว่าจะปรับราคากลับมาเท่าเดิมในปี2567นี้ครับ

เครื่องมือที่กล่าวมาทั้ง 4 ชิ้นนี้ นับว่าเพียงพอในการศึกษาตั้งแต่เริ่มต้นไปจนกระทั่งการนำไปประกอบอาชีพได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ดี ผู้ที่หมั่นเพียรศึกษา ทบทวนซ้ำๆ ขยันฝึกปรือเป็นประจำ ผมรับรองได้เลยว่า จะประสบความสำเร็จในการเป็นนักพยากรณ์ได้อย่างแน่นอน ... โชคดีครับ




Facebook เพจ: โหรพิเภก


Play store: แอปผูกดวง พิเภกอวตาร(ตติย)



วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2566

ดวงดาวโคจรย้ายราศีปี 2567 และดวงเมือง

เข้าสู่โหมดพยากรณ์ประจำปี ... เริ่มด้วยการตรวจสอบการโคจรของดวงดาวในปี พ.ศ.2567 ปรากฎว่า มีดาวหลักคือดาวพฤหัส(๕)เพียงดวงเดียวเท่านั้น ที่โคจรเปลี่ยนราศีจากเมษ♈ไปพฤษภ♉ในวันที่ 30 เมษายน และสถิตอยู่ที่นี่ไปตลอดปีเลยทีเดียว

💫พฤหัส(๕)จร กุมลัคนาในราศีเมษถึงวันที่ 30 เมษายน แล้วย้ายไปกุมอังคาร(๓)กำเนิดตนุลัคน์ในราศีพฤษภเรือนกดุมภะ
💫ราหู(๘)จร ยังคงโคจรในเรือนวินาศน์ของดวงเมืองตลอดทั้งปี กุมพุธ(๔)กำเนิดเจ้าเรือนสหัสชะและอริ กุมศุกร์(๖)เจ้าเรือนกดุมภะและปัตนิ
💫เสาร์(๗)จร ก็ยังคงโคจรในเรือนลาภะ ตลอดปีเช่นกัน
💫มฤตยู(๐)จร ก็ยังคงโคจรในเรือนกดุมภะตลอดปี อีกเช่นเดียวกัน

พยากรณ์ได้ว่า ...

💰เศรษฐกิจ🧮การเงิน

โดยภาพรวมเป็นไปในทางที่ดีกว่าปีก่อน และความเปลี่ยนแปลงในเชิงนวัตกรรมทางการเงิน ก็กำลังดำเนินต่อไป อาทิ เงินดิจิตัลแบบต่างๆ ซึ่งจะมีการกำหนดมาตรการควบคุมทางกฎหมายมากขึ้น

ประเทศไทยยังคงมีเสน่ห์ทางวัฒนธรรม หรือเรียกศัพท์เก๋ๆว่า Soft power ที่สามารถดึงดูดชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวไม่ขาดสาย ไปจนถึงการนำเม็ดเงินมาลงทุน สร้างรายได้ให้ประเทศได้อย่างมากมายตลอดทั้งปี

ทรัพยากรทุกชนิดจะถูกนำมาใช้ประโยชน์ รวมถึงจะมีการค้นพบสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้น และยังนำมาซึ่งรายได้อีกด้วย

ธุรกิจสีเทาต่างๆจะถูกนำขึ้นมาบนโต๊ะเจรจา เพื่ออยู่ในความควบคุมทางกฎหมาย นำมาซึ่งรายได้อีกทางหนึ่ง

การใช้จ่ายภายในประเทศจะเกิดขึ้นอย่างมโหฬาร เพราะมีการกระตุ้นจากภาครัฐ ไม่ใช่การแจกเงินอย่างเดียว แต่มีการดึงเงินออมจากภาคประชาชนผ่านทางธนาคารออกมาใช้อีกด้วย เช่น การออกพันธบัตร การกู้เงินจากธนาคารในประเทศ ประชาชนก็ใช้จ่ายแบบระมัดระวัง ใช้เงินอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด

ธุรกิจที่จะไปได้ดีได้แก่ ...
ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ ประกันภัย ประกันชีวิต งานที่เสี่ยงอันตราย
ธุรกิจนำเข้า-ส่งออกต่างประเทศ งานวิชาการ งานด้านกฎหมาย งานที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
ธุรกิจเกี่ยวกับความเชื่อทั้งหลาย เช่น ศาสนา เครื่องรางของขลัง วัตถุมงคล แม้กระทั่งโหราศาสตร์ หรือศาสตร์การพยากรณ์ต่างๆ
งานเบื้องหลังเช่น ที่ปรึกษา ออแกนไนเซอร์ นักสืบ ฯลฯ
ธุรกิจสีเทาต่างๆจะมีโอกาสที่ดี เรื่องใต้โต๊ะก็ไปได้ดีแต่ต้องระวังถูกแฉให้ได้อาย

นอกเหนือจากนี้ก็ทำได้ ส่วนใหญ่ไม่ขาดทุนหรอก แต่จะปังหรือไม่ปังแค่นั้น เพราะยังไงก็มีการกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนอยู่แล้ว

🧑‍⚖️การเมือง🪖การทหาร

จะมีการริเริ่มแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ เพื่อพยายามให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนมากขึ้น แต่ก็เหมือนพายเรือวนในอ่าง เพราะผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดกลับไม่ใช่ประชาชน

จะมีความวุ่นวาย การทะเลาะเบาะแว้ง ความคิดเห็นไม่ลงรอยกัน เกิดขึ้นในองค์กรทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน แต่รัฐบาลยังคงกุมความได้เปรียบไปตลอดทั้งปี ถึงแม้การทำงานตามนโยบายจะสำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง แบบกระท่อนกระแท่น ไม่น่าพอใจเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าเป็นปีที่ค่อนข้างสงบ ... สงบแบบรอปะทุ

ในส่วนของกองทัพ เป็นช่วงปีที่เริ่มเข้าสู่การปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือปฏิรูปขนานใหญ่ ซึ่งต้องทำด้วยตัวเอง ถ้าไม่รีบทำตอนนี้ อาจถูกบังคับให้ทำในอีกไม่นาน ซึ่งอาจจะหนักหนาสาหัสกว่า และอาจนำเทคโนโลยีมาใช้แทนคน จะปลอดภัยกว่า

อย่างไรก็ตาม กองทัพดูจะมีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น ได้รับการสนับสนุนจากผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง เรียกว่าได้ทั้งเงินและทั้งกล่อง

ที่ต้องระวังไม่ให้ตื่นเต้นตกอกตกใจกันคือ การล้มหายตายจากของผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ซึ่งคงมีเกิดขึ้นทุกปี นับจากนี้ไปอีกหลายปีครับ

📈📉โดยสรุปแล้ว เป็นปีที่ไม่ได้มีอะไรหวือหวามากมายนัก นอกจากเรื่องเศรษฐกิจและการเงิน ตามที่รัฐบาลนี้ถนัดอยู่แล้วนะครับ

ผมขอเอาภาพถ่ายหน้าจอจากแอปมาลงให้ได้ติดตามกันสำหรับผู้ที่ไม่สามารถโหลดแอปได้นะครับ แต่สำหรับผู้ที่โหลดแอปได้แล้ว ก็จะสามารถตรวจดูการโคจรได้ล่วงหน้าเป็นพันๆปีกันเลยทีเดียว

ถ้าท่านใดอยากโหลดแอปนี้ไว้ใช้บ้าง ก็สามารถโหลดได้จากโทรศัพท์มือถือระบบแอนดรอยด์ ตามลิ้งค์นี้ครับ ... ปฏิทินโหร พนึ่งพันปี

และในปีพ.ศ.2567 การโคจรของดวงดาวตลอดทั้งปี มีดังนี้ครับ

ลิ้งค์บทความที่เกี่ยวข้อง


มกราคม พ.ศ. 2567

ดาวให้คุณ  ราชาโชค ได้แก่ ดาวพฤหัส(๕)
                     มหาจักร ได้แก่ ดาวศุกร์(๖)
ดาวให้โทษ โดยปกติ ได้แก่ ดาวเสาร์(๗) ดาวราหู(๘)
ข้อยกเว้น    ดาวเสาร์(๗)ให้คุณแก่ราศีกุมภ์(นรเกณฑ์) ราศีพฤษภ(ปัศวเกณฑ์)



กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

ดาวให้คุณ  อุจ ได้แก่ ดาวอังคาร(๓)
                     ราชาโชค ได้แก่ ดาวพฤหัส(๕)
ดาวให้โทษ โดยปกติ ได้แก่ ดาวเสาร์(๗) ดาวราหู(๘)
                     ประ ได้แก่ ดาวอาทิตย์(๑)
ข้อยกเว้น    ดาวเสาร์(๗) ดาวอาทิตย์(๑) ให้คุณแก่ราศีกุมภ์(นรเกณฑ์) ราศีพฤษภ(ปัศวเกณฑ์)



มีนาคม พ.ศ. 2567

ดาวให้คุณ  ราชาโชค ได้แก่ ดาวพฤหัส(๕)
ดาวให้โทษ โดยปกติ ได้แก่ ดาวเสาร์(๗) ดาวราหู(๘)
                     ประ ได้แก่ ดาวพุธ(๔)
ข้อยกเว้น    ดาวเสาร์(๗)ให้คุณแก่ราศีกุมภ์(นรเกณฑ์) ราศีพฤษภ(ปัศวเกณฑ์)


เมษายน
 พ.ศ. 2567

ดาวให้คุณ  โดยปกติ ได้แก่ ดาวพฤหัส(๕)
                     อุจ ได้แก่ ดาวอาทิตย์(๑)
ดาวให้โทษ โดยปกติ ได้แก่ ดาวเสาร์(๗) ดาวราหู(๘)
                     ประ ได้แก่ ดาวพุธ(๔) ดาวศุกร์(๖)
ข้อยกเว้น    ดาวเสาร์(๗)ให้คุณแก่ราศีกุมภ์(นรเกณฑ์) ราศีพฤษภ(ปัศวเกณฑ์)



พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ดาวให้คุณ  โดยปกติ ได้แก่ ดาวพฤหัส(๕)
                     เกษตร ได้แก่ ดาวศุกร์(๖)
ดาวให้โทษ โดยปกติ ได้แก่ ดาวเสาร์(๗) ดาวราหู(๘)
ข้อยกเว้น    ดาวเสาร์(๗)ให้คุณแก่ราศีกุมภ์(นรเกณฑ์) ราศีพฤษภ(ปัศวเกณฑ์)




มิถุนายน พ.ศ. 2567

ดาวให้คุณ  โดยปกติ ได้แก่ ดาวพฤหัส(๕)
                     ราชาโชค ได้แก่ ดาวอาทิตย์(๑)
                     เกษตร ได้แก่ ดาวอังคาร(๓)
ดาวให้โทษ โดยปกติ ได้แก่ ดาวเสาร์(๗) ดาวราหู(๘)
ข้อยกเว้น    ดาวเสาร์(๗)ให้คุณแก่ราศีกุมภ์(นรเกณฑ์) ราศีพฤษภ(ปัศวเกณฑ์)




กรกฎาคม
 พ.ศ. 2567

ดาวให้คุณ  โดยปกติ ได้แก่ ดาวพฤหัส(๕)
                     มหาจักร ได้แก่ ดาวอาทิตย์(๑)
                    ราชาโชค ได้แก่  ดาวอังคาร(๓) ดาวศุกร์(๖)
ดาวให้โทษ โดยปกติ ได้แก่ ดาวเสาร์(๗) ดาวราหู(๘)
                     ประ ได้แก่ ดาวอังคาร(๓)
ข้อยกเว้น    ดาวเสาร์(๗)ให้คุณแก่ราศีกุมภ์(นรเกณฑ์) ราศีพฤษภ(ปัศวเกณฑ์)
                     ดาวอังคาร(๓)ให้คุณแก่ราศีพิจิก(กีฏเกณฑ์)


สิงหาคม
 พ.ศ. 2567

ดาวให้คุณ  โดยปกติ ได้แก่ ดาวพฤหัส(๕)
                     เกษตร ได้แก่ ดาวอาทิตย์(๑)
ดาวให้โทษ โดยปกติ ได้แก่ ดาวเสาร์(๗) ดาวราหู(๘)
                     นิจ ได้แก่ ดาวศุกร์(๖)
ข้อยกเว้น    ดาวเสาร์(๗)ให้คุณแก่ราศีกุมภ์(นรเกณฑ์) ราศีพฤษภ(ปัศวเกณฑ์)
                     ดาวศุกร์(๖)ให้คุณแก่ราศีกันย์(นรเกณฑ์)


กันยายน
 พ.ศ. 2567

ดาวให้คุณ  โดยปกติ ได้แก่ ดาวพฤหัส(๕)
                     อุจ ได้แก่ ดาวพุธ(๔)
                     เกษตร ได้แก่ ดาวพุธ(๔) ดาวศุกร์(๖)
ดาวให้โทษ โดยปกติ ได้แก่ ดาวเสาร์(๗) ดาวราหู(๘)
ข้อยกเว้น    ดาวเสาร์(๗)ให้คุณแก่ราศีกุมภ์(นรเกณฑ์) ราศีพฤษภ(ปัศวเกณฑ์)



ตุลาคม
 พ.ศ. 2567

ดาวให้คุณ  โดยปกติ ได้แก่ ดาวพฤหัส(๕)
ดาวให้โทษ โดยปกติ ได้แก่ ดาวเสาร์(๗) ดาวราหู(๘)
                     นิจ ได้แก่ ดาวอาทิตย์(๑) ดาวอังคาร(๓)
                     ประ ได้แก่ ดาวศุกร์(๖)
ข้อยกเว้น    ดาวเสาร์(๗)ให้คุณแก่ราศีกุมภ์(นรเกณฑ์) ราศีพฤษภ(ปัศวเกณฑ์)
                     ดาวอาทิตย์(๑)ให้คุณแก่ราศีตุลย์(นรเกณฑ์)


พฤศจิกายน
 พ.ศ. 2567

ดาวให้คุณ  โดยปกติ ได้แก่ ดาวพฤหัส(๕)
                     มหาจักร ได้แก่ ดาวศุกร์(๖)
ดาวให้โทษ โดยปกติ ได้แก่ ดาวเสาร์(๗) ดาวราหู(๘)
                     นิจ ได้แก่ ดาวอังคาร(๓)
ข้อยกเว้น    ดาวเสาร์(๗)ให้คุณแก่ราศีกุมภ์(นรเกณฑ์) ราศีพฤษภ(ปัศวเกณฑ์)


ธันวาคม
 พ.ศ. 2567

ดาวให้คุณ  โดยปกติ ได้แก่ ดาวพฤหัส(๕)
ดาวให้โทษ โดยปกติ ได้แก่ ดาวเสาร์(๗) ดาวราหู(๘)
                     นิจ ได้แก่ ดาวอังคาร(๓)
ข้อยกเว้น    - ดาวเสาร์(๗)ให้คุณแก่ราศีกุมภ์(นรเกณฑ์) ราศีพฤษภ(ปัศวเกณฑ์)











วันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

การเมือง : เลือกตั้งหนนี้ ดวงใครดีกว่ากัน?

 

ว่าจะไม่เขียนบทความโหราศาสตร์การเมืองก่อนการเลือกตั้งแล้วนะครับ แต่ดูข่าวที่มีหมอดูออกมาทำนายทายทักกันแล้ว ค่อนข้างจะมีความเอนเอียงอย่างเห็นได้ชัด มีอย่างที่ไหน ดูดวงแคนดิเดตนายกฯเพียงคนเดียว แล้วตัดสินได้เลยว่าจะได้เป็นนายกฯ มันดูจะไม่แฟร์สำหรับท่านอื่นๆ ผมก็เลยต้องใช้พื้นที่ที่มีอยู่ ออกมาวิเคราะห์ให้เห็นเด่นชัดกันไปเลย ว่าแคนดิเดตท่านใดที่ดวงดี เหมาะสมจะเป็นยายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศไทย ในครั้งนี้

ขอรับประกันว่า ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียในทางการเมืองใดๆทั้งสิ้น วิเคราะห์ไปตามทฤษฎีโหราศาสตร์ล้วนๆ และทำใจเป็นกลาง ตรงไปตรงมาอย่างที่สุดในขณะเขียนบทความนี้ ถึงแม้ว่าผลลัพธ์ของการวิเคราะห์จะขัดใจผมเองก็ตาม(ฮา)

ก่อนอื่นขอบอกว่า รูปและข้อมูลวันเดือนปีเกิดของแคนดิเดตนายกฯ ผมได้มาจากวิกิพีเดีย แต่ไม่มีเวลาตกฟาก ก็เลยต้องใช้วิธีเทียบเคียงอุปนิสัยและเหตุการณ์ของชีวิตทั้งอดีตและปัจจุบันเพื่อวางตำแหน่งลัคนา ว่าจะสถิตที่ราศีใด และแคนดิเดตแต่ละท่าน ผมก็เลือกมาจากโพลต่างๆ โดยเลือกอันดับ 1 ถึง 4 ดังนี้ครับ


พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เริ่มจากแชมป์เก่า ผมดูจากอุปนิสัยและเรื่องราวที่ผ่านมา ลัคนาของท่านสถิตราศีมังกรครับ ... 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา เสาร์จรทับลัคนาให้คุณในราศีมังกร มันเป็นช่วงเวลาที่ตัวท่านเอง ประสบแต่ความยากลำบาก ได้รับความทุกข์แสนสาหัส มีทั้งเสียงก่นด่าสาปแช่งต่างๆนานา สุขภาพก็ดูทรุดโทรมลงไปเยอะ แต่ท่านก็ยังอดทนอยู่ในอำนาจได้จนครบวาระ เพราะ ราหูจรเล็งตนุลัคน์ให้คุณเรือนกัมมะ

แต่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา เสาร์จรทับตนุเศษให้โทษในเรือนกดุมภะ อำนาจการปกครองลดน้อยถอยลง ท่านจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจนแทบอยากลาโลก ... 17 ตุลาคมนี้เป็นต้นไปเป็นเวลาประมาณ 1 ปีครึ่ง ราหูจรเลิกเล็งตนุลัคน์ จะทำให้ท่านหมดอำนาจโดยสิ้นเชิง ในขณะเดียวกัน ราหูจรกุมดาวอาทิตย์กำเนิดและศุกร์กำเนิด ทำให้ท่านต้องใส่ใจเรื่องสุขภาพที่อ่อนแอมากขึ้น จนต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ที่ทำอยู่เป็นประจำ

2 ปีครึ่งหลังจากนี้ หรือ ประมาณกลางปี 2568 เป็นต้นไป สุขภาพของท่านจะอ่อนยวบลงไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่เหมาะในการทำหน้าที่ใดๆอีก เพราะ เสาร์จรกุมอาทิตย์กำเนิดและศุกร์กำเนิด

โอกาสที่จะรักษาแชมป์ไว้ได้ ผมให้เพียง 10 เปอร์เซนต์ เพราะแนวโน้มสุขภาพดูไม่ดีในระยะยาว 4-5 ปีนี้


แพทองธาร ชินวัตร

ผมดูจากการคลอดบุตรของท่านเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้สามารถวางตำแหน่งลัคนาได้ 2 ราศีคือ ตุลย์ หรือ ธนู จึงต้องมองลึกไปถึงข้อมูลคู่ครองตามวิกิพีเดีย ตัดสินได้ว่า ลัคนาควรอยู่ที่ราศีตุลย์

1 มีนาคมที่ผ่านมา เสาร์จรกุมจันทร์กำเนิดและพฤหัสกำเนิด เริ่มจะทำให้เกิดความเบื่อหน่าย มีอุปสรรคปัญหามากมาย และจะประสบความสำเร็จได้ยาก ชีวิตจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เป็นระยะเวลา 2 ปี ครึ่ง ... 17 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ราหูจรกุมราหูกำเนิด จะถูกใส่ร้ายป้ายสีจากคนพาล หรือต้องเอาใจใส่ดูแลบุตรเป็นพิเศษ

หลังจากนั้น ประมาณกลางปี 2568 เป็นต้นไป เสาร์จรย้ายไปกุมราหูกำเนิด พฤหัสจรย้ายไปสู่ตำแหน่งที่ดีขึ้น จะเริ่มกลับมาสร้างคุณูปการต่างๆอย่างมากมาย ทั้งเรื่องส่วนตัวและส่วนรวม

ท่านนี้ ผมไม่ได้ใช้ตนุเศษในการพิจารณา เพราะดาวจรที่ส่งกระแสสัมพันธ์ ไม่มีแรงมากเพียงพอ

โอกาสที่จะได้เป็นนายกฯในครั้งนี้ ผมให้ 20 เปอร์เซนต์ เนื่องจากแนวโน้มในระยะสั้น ยังติดภาระส่วนตัวอยู่


เศรษฐา ทวีสิน

เนื่องจากเมื่อก่อนนี้ ท่านไม่ค่อยเป็นข่าวทางการเมืองมากนัก การวางลัคนาจึงเป็นเรื่องยาก เพราะไม่ทราบอุปนิสัยที่ปรากฎออกมา ทราบแต่เพียงท่านประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จนประสบความสำเร็จ ผมจึงวางลัคนาไว้ที่ราศี เมษ หรือ ตุลย์ แต่พอได้ฟังข่าวการให้สัมภาษณ์ตามสื่อต่างๆ ก็พอจะเห็นได้ว่า ท่านมีบุคลิกไปในทางประนีประนอม ดังนั้น ลัคนาจึงควรกุมจันทร์กำเนิดอยู่ที่ราศีตุลย์มากกว่า

1 มีนาคมที่ผ่านมา เสาร์จรกุมอาทิตย์กำเนิดและพฤหัสกำเนิด เริ่มจะทำให้เกิดความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า สุขภาพกายสุขภาพจิตเสื่อม มีอุปสรรคปัญหามากมาย และจะประสบความสำเร็จได้ยาก เป็นระยะเวลา 2 ปี ครึ่ง และประมาณกลางปี 2568 เป็นต้นไป จึงจะเริ่มสบายเนื้อสบายตัวมากขึ้น เพราะอุปสรรคปัญหาน้อยลง

แต่ 17 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป เป็นเวลา 1 ปีครึ่ง ราหูจรเข้าเรือนอริ ปัญหาใดๆที่ว่ายาก ก็เริ่มดูเหมือนเบาบางลง อีกทั้ง พฤหัสจรเล็งจันทร์กำเนิด ได้อย่างเต็มที่ ทำให้เกิดเรื่องดีๆตามมาเป็นทวีคูณ

ท่านนี้ผมให้โอกาสเป็นนายกฯถึง 40 เปอร์เซนต์ เพราะมีแนวโน้มสดใสตั้งแต่ 17 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป


พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

ท่านนี้ผมวางลัคนาให้อยู่ที่ราศีเมถุน เนื่องจากมีจันทร์กำเนิดกุมลัคนา ซึ่งจันทร์กำเนิดของคนที่ลัคนาสถิตราศีเมถุนนั้น หมายถึงเรื่องการเงิน ชีวิตจึงมักเกี่ยวข้องกับการเงินตลอดเวลา ตั้งแต่การเรียนจบทางด้านบัญชี เมื่อทำงานการเมือง ก็เป็นกรรมาธิการงบประมาณ

ในช่วงที่กำลังจะเลือกตั้งกันอยู่นี้ ราหูจรเล็งอังคารกำเนิดและมฤตยูกำเนิด จนถึงวันที่ 17 ตุลาคม ทำให้มีปัญหาติดขัดในเรื่องกฎระเบียบ หรือข้อกฎหมาย และต้องถูกบังคับด้วยคดีที่เกิดขึ้น ซึ่งมีโอกาสพ่ายแพ้ได้

แต่หลังจาก 17 ตุลาคมนี้นั้น ราหูจรเล็งตนุเศษและเสาร์กำเนิด ทำให้ได้รับประโยชน์จากเรื่องมรดก หรือเรื่องคดี และจะกลับคืนมามีอำนาจอีกครั้ง เป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปีครึ่ง เพื่อสะสางเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องในเชิงกฎหมาย

ผมให้โอกาสเป็นนายกฯ 30 เปอร์เซนต์ เนื่องจากมีแนวโน้มติดขัดในช่วงก่อน 17 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ

บทสรุป

อันดับ 1 คือ นาย เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งการโคจรของดวงดาว มีแนวโน้มสดใส ปัญหาน้อยที่สุด ส่งผลดีมากที่สุด

อันดับ 2 คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ต้องเจอวิบากกรรมในช่วงแรก ซึ่งก็คงผ่านไปได้ในอันดับนี้ แต่ถ้านายพิธา เกิดได้คะแนนเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 คงโดนสอยก่อนถึง 17 ตุลาคมนี้แน่นอน

อันดับ 3 คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่เพิ่งคลอดบุตรเมื่อ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งก็ต้องมีภาระทางครอบครัวที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และกินระยะเวลานานกว่า

อันดับ 4 คือ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งดูจากการโคจรของดวงดาวแล้ว ไม่ว่าจะมองมุมไหน ก็ดูห่อเหี่ยวกว่าทุกอันดับข้างต้น

อย่างไรก็ดี ถ้ามีข้อผิดพลาดในการวางลัคนาของแคนดิเดตแต่ละท่านข้างต้น คำพยากรณ์ที่กล่าวมา อาจมีความแม่นยำลดลงในบางเรื่อง ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้

และประการสำคัญ อย่าลืมไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง คนที่ชอบ พรรคที่ใช่ กันนะครับ