ในบางช่วงเวลา ผมสันนิษฐานว่าพระองค์ท่านได้ทรงแก้ไขดวงพระชะตาของพระองค์เองอีกด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ไม่ดีที่พระองค์ทรงคาดว่าจะเกิด ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้น เราลองมาดูเหตุการณ์สำคัญๆในส่วนพระองค์กันครับ
พระบรมราชชนก (ภาพจากวิกิพีเดีย) |
พระบรมราชชนกสิ้นพระชนม์
วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๒ ในขณะที่พระองค์ท่านมีพระชนมายุเพียง 2 พรรษา พระบรมราชชนกได้ทรงนิวัติประเทศไทยหลังจากสำเร็จการศึกษาสาสขาแพทยศาสตร์เกียรตินิยมจากประเทศสหรัฐอเมริกา แต่พระบรมราชชนกทรงมีพระพลานามัยไม่แข็งแรงนัก จึงทำให้พระองค์สิ้นพระชนม์ในวันดังกล่าวดวงจรวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 |
ตามรูปดวงจรในวันนั้น ผมจะวิเคราะห์ดวงดาวหลักๆให้ทราบกันก่อนครับ
ดาวมฤตยู(๐) โคจรในราศีมีน สถิตภพศุภะในดวงพระชะตา พยากรณ์ได้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันเกี่ยวข้องกับพระบรมราชชนก โดยปกติโหรหลายๆท่านใช้ดาวมฤตยู(๐)พยากรณ์ในเรื่องเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ ดังที่กล่าวกันเป็นคำกลอนว่า "... ทายภัยอาเภท ทายมฤตยู"
ดาวพฤหัส(๕) โคจรในราศีพฤษภ สถิตภพลาภะ กุมดาวราหู(๘)ในดวงกำเนิดซึ่งให้โทษในตำแหน่งนิจและยังเป็นดาวมรณะอีกด้วย ดาวพฤหัส(๕)นี้คือตัวแทนของพระบรมราชชนกนั่นเอง
พระปรเมทรมหาอานันทมหิดล (ภาพจากวิกิพีเดีย) |
พระเชษฐาธิราชสวรรคต
ในวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ เป็นวันที่พระองค์ท่านได้ทรงเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในทุกเรื่อง ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่พระองค์ท่านมิได้ทรงปรารถนา อีกทั้งเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นราชันย์แห่งกษัตริย์ทั้งปวง เนื่องจากเป็นวันที่พระองค์ท่านได้ทรงเสียพระเชษฐาธิราชของพระองค์ไปอย่างไม่มีวันกลับ ในขณะเดียวกัน ก็เป็นวันที่พระองค์ได้รับการทูลเชิญให้ดำรงพระอิสริยยศเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๙ แห่งราชวงศ์จักรี
ดังที่ผมได้กล่าวไว้แล้วว่าพระลัคนาของพระองค์ท่านทรงสถิตในราศีกรกฎ และตามรูปดวงจรในวันนั้น สามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้
ดวงจรวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 |
ดาวราหู(๘) โคจรในราศีพฤษภ สถิตภพลาภะในดวงพระชะตา ได้ตำแหน่งนิจ ซึ่งเป็นตำแหน่งให้โทษอย่างรุนแรง พยากรณ์ได้ว่า พระเชษฐาธิราชจะประสบกับเหตุร้าย ซึ่งโดยทั่วไป เมื่อดาวราหู(๘)ให้โทษในภพเรือนใด มักจะทำให้ภพเรือนนั้นป่วย เจ็บ ทะเลาะ ล้มหายตายจาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาวราหู(๘)ของชาวราศีกรกฎเป็นดาวเจ้าเรือนมรณะ ภพแห่งการจากนั่นเอง แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานถึง 1 ปีครึ่งโดยประมาณ ยังต้องใช้ดาวดวงต่อไปจำกัดช่วงเวลาให้แคบลงอีก
ดาวอาทิตย์(๑) โคจรในราศีพฤษภ สถิตภพลาภะในดวงพระชะตา โดยปกติโหรมักใช้ดาวอาทิตย์(๑)พยากรณ์ว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดในช่วงเดือนใด ในที่นี้คือประมาณกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดิอนมิถุนายน เรียกได้ว่าดาวอาทิตย์เป็นตัวซ้ำเติมเหตุการณ์นั่นเอง
ดาวจันทร์(๒) โคจรในราศีกันย์ กุมดาวพฤหัส(๕)ซึ่งกำลังให้โทษในตำแหน่งประ และดาวพฤหัส(๕)ยังเป็นดาวเจ้าเรือนอริของราศีกรกฎอีกด้วย พยากรณ์ว่าจะมีเรื่องมงคล เรื่องดีๆเกิดขึ้น แต่พระองค์ท่านคงไม่ทรงอยากรับนัก นั่นคือการรับทูลเชิญขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ ๙ แห่งราชวงศ์จักรี
ภาพจากวิกิพีเดีย |
ทรงหมั้น
ดวงจรวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 |
โดยหลักเกณฑ์การพยากรณ์เรื่องการแต่งงาน การมีคู่ครอง ในทางโหราศาสตร์แล้ว ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร โหรมักดูจากดาวพฤหัส(๕)เป็นหลักครับ เรามาดูรูปดวงจรกันว่าเป็นอย่างไร
ดาวมฤตยู(๐) โคจรในราศีเมถุน สถิตภพวินาสน์ ในช่วงเวลานี้ นับได้ว่าเหตุเภทภัยต่างๆได้สงบความเลวร้ายลงไป
ดาวพฤหัส(๕) โคจรในราศีมังกร สถิตภพปัตนิ ให้โทษในตำแหน่งนิจ แต่เมื่อดูมุมสัมพันธ์กับพระลัคนา ดาวอาทิตย์(๑) และดาวจันทร์(๒)แล้ว กลับอยู่ในตำแหน่งที่ดีเรียกว่าดวงแบบ "จันทร์ คุรุ สุริยา"
ในตอนนี้พอจะจับสังเกตกันได้แล้วนะครับว่า ดาวมฤตยู(๐)นั้นส่งผลกับพระลัคนาของพระองค์ท่านอย่างมีนัยสำคัญเพียงใด แต่เชื่อมั๊ยครับว่าพระองค์ท่านก็ทรงทราบในข้อสังเกตนี้เหมือนกัน คราวหน้าเป็นตอนสุดท้ายที่ผมจะบอกว่าพระองค์ท่านทรงแก้ไขอย่างไร เผื่อว่าพวกเราที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ จะได้นำหลักการนี้ไปปฏิบัติตามรอยพระบาทกันต่อไปครับ