วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ดวงพระชาตาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕

เนื่องจากในวันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ปีนี้ผมขออัญเชิญดวงพระชาตาของพระองค์ท่านมาเพื่อเป็นข้อมูลในการศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไทย และเพื่อเป็นการยืนยันว่าวิชานี้มีหลักการคล้ายวิชาสถิติผนวกกับกฎเกณฑ์ทางดาราศาสตร์จริงๆครับ

เริ่มจากการหาข้อมูลส่วนพระองค์เช่นวันและเวลาพระราชสมภพซึ่งได้มาจากหนังสือ "ปฐมภาคแห่งโหราศาสตร์"ของท่านอาจารย์พลูหลวง

ส่วนเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ได้มาจากเว็บไซต์วิกิพีเดีย ตามลิ้งค์นี้ครับ <พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว>

ผมใช้โปรแกรม"พิเภก ๒๕๕๖" ผูกดวงวางพระลัคนาตามวันพระราชสมภพ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 เวลา 18 นาฬิกา 51 นาที ได้ดังนี้ครับ

พระลัคนาสถิตราศีมีน พระองค์จึงเป็นผู้มีจิตใจดี โอบอ้อมอารี รักความสงบ ไม่ชอบขัดแย้งกับใคร ชอบการประนีประนอม

ดาวพุธ(๔)ได้ตำแหน่งมหาอุจจ์และเกษตรในภพเกณฑ์เรียกว่า "ปัญจมหาบุรุษโยค" บ่งบอกถึงวาสนาบารมีสูงมาก มักจะเป็นเกณฑ์ของบุคคลสำคัญ อยู่ในตำแหน่งใดก็จะเด่นดังในตำแหน่งนั้น พระองค์จึงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่

เมื่อดาวพุธ(๔)เด่น ทำให้พระองค์เป็นผู้ที่มีความฉลาดเฉลียวอย่างมาก และเมื่อกุมกับดาวอาทิตย์ พระองค์จึงเป็นผู้ที่กล่าวสุนทรพจน์ได้อย่างยอดเยี่ยม ชักจูงใจคนเก่ง อีกทั้งเป็นนักวิชาการ นักประชาสัมพันธ์ ที่หาใครมาเทียบได้ยาก

ดาวพฤหัส(๕)เจ้าเรือนพระลัคนาสถิตภพศุภะ พระองค์จึงมีความสนใจเรื่องการต่างประเทศ มีความสุขเมื่อได้เดินทางไปต่างประเทศ

นอกจากนี้พระองค์ยังสนใจในวิทยาการสมัยใหม่ เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ พระองค์สามารถนำวิทยาการใหม่ๆจากต่างประเทศมาปรับใช้เพื่อการพัฒนาประเทศได้อย่างเหมาะสมดังเช่นที่ปรากฏให้เห็นตราบจนกระทั่งปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นพระราชกรณียกิจทางด้านการปกครอง การศึกษา การคมนาคม สังคม ศิลปะและวัฒนธรรม

ดาวศุกร์(๖)ให้คุณในตำแหน่งเกษตรแต่สถิตในภพมรณะ ทำให้พระองค์ทรงโปรดเรื่องรักๆใครๆแต่ไม่ยั่งยืนนัก ดังจะเห็นได้จากการมีพระชายาหลายพระองค์

ดาวอังคาร(๓)ให้โทษในตำแหน่งนิจ ทำให้พระองค์มีพระพลานามัยที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงนัก อีกทั้งเป็นตำแหน่งพินธุบาทว์ในภพปุตตะ จึงเป็นเหตุให้พระองค์ทรงเป็นทุกข์โทมนัสในเรื่องของ พระราชโอรส พระราชธิดา ข้าราชบริพารและพสกนิกรอยู่เนืองๆ

ดาวราหู(๘)ให้โทษในตำแหน่งนิจ สถิตภพสหัสชะ ทำให้พระองค์มีพระสหายที่ดูจะไม่จริงใจมากนัก บางครั้งก็ลอบแทงข้างหลัง บางทีก็อยู่ในสถานะที่พึ่งพาไม่ค่อยได้ หรือถ้าช่วยเหลือได้ก็มักจะต้องแลกกับผลตอบแทนมหาศาล

คราวนี้เรามาดูเหตุการณ์ที่สำคัญบางเหตุการณ์ในรัชสมัยของพระองค์กันนะครับ

พระบรมราชาภิเษก 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2411
เหตุการณ์แรกคือการได้รับพระบรมราชาภิเษก

อย่างแรกเลย เรามาดูที่ดาวพฤหัส(๕) ซึ่งเป็นดาวเจ้าเรือนพระลัคนา กำลังโคจรสถิตภพตนุ ให้คุณในตำแหน่งเกษตร มีความโดดเด่นที่สุดในขณะนั้น ทำให้พระองค์ดูเด่นที่สุดในบรรดาพระราชโอรส

ดาวพฤหัส(๕)เป็นเจ้าเรือนภพกัมมะ สถิตภพตนุ หมายถึงพระองค์ต้องทรงได้รับพระราชกรณียกิจหรือภาระหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่นั่นคือการได้ครองราชย์นั่นเอง

ดาวเสาร์(๗)เจ้าเรือนภพลาภะกำลังโคจรสถิตภพศุภะ ให้คุณในตำแหน่งราชาโชค หมายถึงการประสบความสำเร็จจากการสนับสนุนช่วยเหลือของผู้หลักผู้ใหญ่ แต่ก็ต้องแลกกับการสูญเสียพระราชบิดาไปก่อนหน้านี้

สูญเสียดินแดน 23 กรกฎาคม พ.ศ.2431
เหตุการณ์ต่อไปเป็นการสูญเสียดินแดนมากที่สุดในรัชสมัยของพระองค์ ตรงกับวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2431

ถึงแม้ว่าดาวพฤหัส(๕)ซึ่งเป็นดาวเจ้าเรือนพระลัคนาจะให้คุณในตำแหน่งเกษตรสถิตภพกัมมะ หมายถึงการมีพระราชกรณียกิจที่โดดเด่นและสำคัญต่อพระองค์

แต่ดาวราหู(๘)ซึ่งเป็นดาวที่ให้โทษ กำลังโคจรสถิตภพพันธุ ซึ่งหมายถึงทรัพย์สินส่วนพระองค์กำลังจะต้องถูกปล้นชิงไป

ส่วนดาวเสาร์(๗)กำลังโคจรให้โทษในตำแหน่งประ สถิตภพปุตตะ หมายถึงการขาดแคลนข้าราชบริพารที่มีฝีมือ อีกทั้งยังกุมกับดาวอังคาร(๓)ในดวงพระชาตากำเนิด ทำให้พระราชกรณียกิจต่างๆมีปัญหามากมาย จึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถรักษาดินแดนไว้ได้

เสด็จสวรรคต 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453

เหตุการณ์สุดท้ายคือวันเสด็จสวรรคตของพระองค์ ตรงกับวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453

ดาวพฤหัส(๕)เจ้าเรือนพระลัคนาโคจรเป็นพินธุบาทว์ในเรือนมรณะ หมายถึงการที่ดวงพระชาตาอ่อนแอเป็นอย่างมาก

ดาวราหู(๘)ดาวร้ายประจำพระองค์โคจรกุมดาวจันทร์ในดวงกำเนิด รวมทั้งดาวเสาร์(๗)โคจรให้โทษในตำแหน่งนิจกุมดาวจันทร์เช่นกัน ดาวจันทร์(๒)ในดวงกำเนิดนี้เองที่เป็นจุดเปราะบางในทุกดวงชะตา

ขอยกคำกลอนตามคัมภีร์ดังนี้

"เสาร์ทับพระจันทร์ ชนนั้นบมิสบาย 
ทรัพย์สินจะสูญหาย อุปสรรคจะมีมา
ค่าคนและลูกเมีย ก็จะเสียแลโศกา
ขอคุณพระรักษา ชนมชีพจะยืนนาน"

"ราหูปะทะจันทร์ อริอันจะหมองหมาย
ยอลาภพลีหมาย ก็สมัครสมาการ"

ดาวบาปเคราะห์ที่ให้โทษทั้งสองดวงกุมแบบนี้ ตามคำทำนายข้างต้น ไม่ใช่เรื่องดีๆแน่นอน

นอกจากนี้ ดาวอังคาร(๓)ถึงแม้จะโคจรให้คุณในตำแหน่งมหาจักรกุมดาวอาทิตย์ในดวงกำเนิด แต่การให้คุณของดาวบาปเคราะห์มักจะให้โทษก่อนเสมอ กรณีนี้คือการเจ็บไข้ได้ป่วย ดาวอังคาร(๓)ซึ่งเป็นดาวบาปเคราะห์ดวงเล็ก คงไม่สามารถต้านทานดาวบาปเคราะห์ดวงใหญ่ทั้งสองข้างต้นได้หรอกครับ

ส่วนดาวศุกร์(๖)ซึ่งเคยให้คุณในดวงกำเนิด ก็แปรเปลี่ยนมาให้โทษ เนื่องจากอยู่ในตำแหน่งพินธุบาทว์กับดวงพระชาตาขณะนั้น

จากตำแหน่งดาวที่กล่าวมาข้างต้น เป็นสาเหตุให้พระองค์เสด็จสวรรคตอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง



ด้วยสถิติของเหตุการณ์บุคคลสำคัญหลายท่าน และการโคจรของดวงดาวในตำแหน่งต่างๆ จะเห็นความสอดคล้องต้องกันในทุกดวงชาตา ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีวาสนามากหรือน้อยประการใด ก็มักจะได้พบเจอกับเหตุการณ์ใกล้เคียงกันทั้งสิ้น ต่างกันที่บุคคลนั้นอยู่ในระดับใดของสังคมเท่านั้นเอง.


หมายเหตุ ขอขอบคุณภาพจากวิกิพีเดียครับ

วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ดวง 30 ก.ค. 57 - 16 ม.ค. 59 "ราหู" อาจไม่ร้ายอย่างที่คิด

เห็นหมอดูหลายคนมักจะออกมาพูดเกี่ยวกับดาวราหู ว่าจะให้โทษอย่างนั้นอย่างนี้ ราศีโน้น นั้น นี้ ระวังให้ดีๆ ผมก็เลยรู้สึกว่า เรากำลังมองดาวราหูในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่าครับ ลองมาดูกัน

ในทางดาราศาสตร์ ไม่มีดาวราหูนะครับ แต่ราหูคือเงาของโลกที่ไปตกกระทบกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเช่นไปตกกระทบกับดวงจันทร์ ก็จะเรียกว่าราหูอมจันทร์หรือจันทรคราสนั่นเอง

ในทางโหราศาสตร์ ดาวราหูอยู่ในกลุ่มของดาวบาปเคราะห์ หมายถึงดาวที่ให้โทษมากกว่าให้คุณ การเกิดคุณหรือโทษจะเกิดแบบรวดเร็วและแรง ส่วนจะมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของดาวราหู ว่ากำลังให้คุณหรือโทษรุนแรงประการใด

ตำแหน่งที่ให้โทษรุนแรงมากของดาวราหู คือขณะที่กำลังโคจรอยู่ที่ราศีพฤษภและราศีสิงห์
ตำแหน่งที่ให้คุณเอนกอนันต์ คือขณะที่กำลังโคจรอยู่ที่ราศีพิจิกและราศีกุมภ์
ส่วนตำแหน่งอื่นๆ จะให้ทั้งคุณและโทษปานกลาง โดยพิจารณาจากลัคนาเป็นราศีไป

ดาวราหูโคจรในราศีกันย์
30ก.ค.57 - 16ม.ค.59
ระหว่างวันที่ 30 ก.ค. 2557 ถึง 16 ม.ค. 2559 ดาวราหูโคจรอยู่ในราศีกันย์ 

ท่านที่ลัคนาสถิตราศีมีน ในช่วงเวลาดังกล่าว ดาวราหูจะให้โทษรุุนแรงกว่าราศีอื่นๆ เนื่องจากดาวราหูอยู่ในตำแหน่งพินทุบาทว์ เรียกเป็นภาษาง่ายๆที่ได้ยินกันทั่วไปว่า "ดวงแตก"

ท่านที่ลัคนาสถิตราศีกันย์ ในช่วงนี้ ดาวราหูจะให้คุณมากกว่าราศีอื่นๆ เพราะจากการพิจารณาเรื่องขององค์เกณฑ์ซึ่งเป็นที่ยอมรับของโหราจารย์ ดาวราหูกำลังสถิตในตำแหน่งที่เรียกว่า "นรเกณฑ์" หมายถึงการให้คุณไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด

เพื่อความแน่นอนและแม่นยำ คุณควรจะให้โหรตรวจดวงคุณก่อนนะครับ ว่าโดยปกติดาวราหูให้คุณหรือให้โทษกับคุณ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ดาวราหูจะให้โทษกับทุกคน ไม่อย่างนั้น ซวยกันทั้งประเทศสิครับ ! (ฮา)

ต่อไปนี้เรามาดูกันว่า ในช่วงเวลาที่ดาวราหูโคจรในราศีกันย์ จะมีเรื่องดีร้ายอย่างไร เกี่ยวกับเรื่องอะไรในแต่ละราศี เอาแบบย่อๆพอเป็นแนวทางก็แล้วกันนะครับ 



ราศีเมษ
ปัญหา อุปสรรคต่างๆ ศัตรูคู่เกาเหลา จะไม่มีอะไรมาต่อกรกับคุณได้ เพราะตัวเขาเองยังเอาตัวไม่รอดเลย


ราศีพฤษภ 
บุตรบริวารทำให้หนักใจ ต้องคอยดูแลเป็นพิเศษ เหมือนคนป่วยคนหนึ่งเลยทีเดียว


ราศีเมถุน
บุพการีสุขภาพไม่ค่อยดี รถรา บ้านช่อง ก็มีเรื่องต้องซ่อมแซม อยู่บ่อยๆ


ราศีกรกฎ
การเจรจาติดต่อจะไม่ราบรื่น  ขาดตอน ต้องคอยติดตาม หรือไม่ก็เพื่อนฝูงใกล้ๆตัว ไม่อยากคุยด้วย

ราศีสิงห์
การเงินไหลออกมากกว่าไหลเข้า มีเรื่องให้ต้องใช้จ่ายอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เข้าทำนองราหูล้วงทรัพย์


ราศีกันย์
สุขภาพไม่ค่อยดีแต่ดูจะมีอำนาจมากกว่าเก่า เหมือนมีวิญญาณมาเฟียเข้าสิง


ราศีตุลย์
ระวังเรื่องลับๆไว้ให้ดีก็แล้วกัน เพราะมันอาจถูกเปิดเผยออกมาให้อื้อฉาวได้ถ้าไม่ระมัดระวัง

ราศีพิจิก
ประสบความสำเร็จได้ยากยิ่ง โชคลาภก็ไม่ค่อยจะมี อาจมีเหตุให้ต้องไปเยี่ยมเพื่อนเก่าๆมากหน่อย

ราศีธนู
การทำงานไม่มีความต่อเนื่อง ทำๆหยุดๆ มีการอิจฉาริษยาปัดแข้งปัดขากัน



ราศีมังกร
จะหาคนสนับสนุนได้ยาก ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคยพึ่งพากันจะช่วยได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง



ราศีกุมภ์
ระวังความไม่ระมัดระวังจะทำให้เจ็บเนื้อเจ็บตัว ทางที่ดีหันเข้าหาวัดหรือตรวจสุขภาพบ่อยๆ

ราศีมีน
เข้าเกณฑ์ดวงแตก คือต้องมีการแยกตัวกับใครๆที่คุ้นเคย คุณหรือคู่ของคุณต้องได้เจอแน่นอน




วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557

โหราจารย์และตำราอ้างอิงในบล็อก "โหรพิเภก"

เขียนพยากรณ์มาหลายตอนแล้ว บางท่านคงสงสัยว่า ผมศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไทยจากโหราจารย์ท่านใด ทำไมผมถึงไม่เคยเอ่ยถึงอาจารย์ของผมเลย ?

คืออย่างนี้ครับ เนื่องจากผมมีเวลาน้อยแต่ภาระหน้าที่มาก ไม่สามารถไปลงทะเบียนเรียนกับสำนักใดๆได้เลย เห็นแต่ละคนร่ำเรียนกันใช้เวลาเป็นปี ผมก็เลยได้แต่ซื้อตำรับตำรามาศึกษาด้วยตนเองครับ ตามคติที่ว่า "อัตตานัง ทมยันติ ปัณฑิตา" แปลว่า บัณฑิตย่อมเป็นผู้ฝึกฝนตนเอง

การเลือกตำราในการศึกษา มีผลอย่างยิ่งกับแนวคิดที่มีต่อวิชาโหราศาสตร์ไทย ถ้าเลือกตำราที่อ่านแล้วมีเหตุมีผล ก็จะทำให้เป็นนักพยากรณ์ที่พยากรณ์อย่างมีเหตุมีผลมีหลักเกณฑ์ตามไปด้วย ในทางกลับกัน ถ้าเลือกตำราที่ไม่มีเหตุผลประกอบ การศึกษาก็อาจจะต้องใช้วิธีการท่องจำเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เกิดการเบื่อหน่ายได้ง่ายๆเพราะเราไม่สามารถจำกฎเกณฑ์ต่างๆได้ทั้งหมดหรอกครับ

ส่วนตำราหรือคัมภีร์ที่มีส่วนอย่างมากที่ทำให้ผมสามารถพยากรณ์เรื่องราวต่างๆได้อย่างละเอียดรอบคอบและรัดกุมมีดังนี้ครับ

๑. คัมภีร์โหราศาสตร์ไทยมาตรฐานฉบับสมบูรณ์



ของหลวงวิศาลดรุณกร (อั้น สาริกบุตร) ผมได้ใช้คัมภีร์สุริยยาตรในเล่มนี้สำหรับการคำนวณสมผุสหรือตำแหน่งของดวงดาวต่างๆบนวงโคจรของระบบสุริยจักรวาลในการจัดทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ "พิเภก ๒๕๕๖" และนี่เป็นสิ่งที่ทำให้ผมสามารถผูกดวงหรือการคำนวณสมผุสได้อย่างรวดเร็วทันใจตลอดจนเข้าใจการโคจรของดวงดาวต่างๆได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ในตำรายังมีการรวบรวมคัมภีร์หลายประเภทเข้ามาไว้ด้วยกัน สามารถนำมาใช้อ้างอิงได้ทันทีที่ต้องการ

หมายเหตุ ดาวน์โหลดโปรแกรมได้ที่นี่ครับ (ค่าลงทะเบียน 600บาท)
 https://docs.google.com/file/d/0B6b-bEIWxDZPUmpWRm9TNGg3aUU/edit


๒. ปฐมภาค ปัจฉิมภาคแห่งโหราศาสตร์ และการพยากรณ์จรโดยพิศดาร



ของ "พลูหลวง" ทั้งสามเล่มนี้ เป็นแนวคิดของโหราศาสตร์ไทยสมัยใหม่ ช่วยให้ผมได้ศึกษาโหราศาสตร์ไทยอย่างมีขั้นตอน ไม่หลงไปในบางเรื่องที่ดูจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก แต่ก็ยังมีการสอนกันอยู่ในปัจจุบัน

ทั้งสามเล่มนี้ ยังมีการยกตัวอย่างดวงชะตาของบุคคลต่างๆมากมายทั้งบุคคลธรรมดาและที่มีชื่อเสียงเพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลทางสถิติที่เชื่อถือได้


๓. โหราศาสตร์ไทยมาตรฐานว่าด้วยเคล็ดลับการพยากรณ์



ของ อาจารย์ ส. ไชยนันทน์ เล่มนี้เป็นการสรุปกฎเกณฑ์ทางโหราศาสตร์เหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้พื้นฐานมาบ้างแล้ว ที่สำคัญคือมีการรวบรวมคำพยากรณ์แยกเป็นกรณีต่างๆเช่น ดาวกระทบกับราศี ดาวกระทบกับเรือนชะตา และดาวจรกระทบดาวกำเนิด


๔. โหราศาสตร์ไทยชั้นสูง เรื่องฤกษ์และการให้ฤกษ์ การคำนวณดวงพิชัยสงคราม



ของอาจารย์สิงห์โต สุริยาอารักษ์ เล่มนี้ทำให้ผมเรียนรู้เรื่องฤกษ์โดยละเอียด มีเคล็ดลับมากมายในการเลือกฤกษ์ ที่สำคัญที่สุดคือ ทำให้ผมทราบว่าไม่มีวันไหนที่ฤกษ์ไม่ดี มีแต่เหมาะหรือไม่เหมาะเท่านั้น เพราะฤกษ์ทุกฤกษ์มีความเหมาะสมในการใช้แตกต่างกัน


ยังมีตำราเล่มอื่นๆที่ผมใช้ศึกษา รวมถึงนิตยสารรายปักษ์ รายเดือน และรายปี ที่โหราจารย์หลายๆท่านได้เขียนบทความพยากรณ์ไว้ และได้แทรกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเอาไว้ บางเรื่องก็สามารถนำไปใช้ได้เป็นอย่างดี

ถ้าจะถามผมว่า ตกลงผมเป็นลูกศิษย์ของโหราจารย์ท่านใดกันแน่ ผมขอตอบว่าทุกท่านที่เขียนตำราหรือบทความให้ผมอ่านนั่นแหละ ซึ่งมีเยอะแยะมากมาย

แต่ถ้าจะให้ผมยกย่องท่านใดเป็นพิเศษ สำหรับผม ผมยกให้ทั้งสี่ท่านที่ผมกล่าวมาเป็นปรมโหราจารย์ของผมครับ ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยได้พบกับท่านก็ตามที และถึงแม้ว่าท่านทั้งสี่ไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว แต่ท่านก็ยังอยู่ในดวงใจผมครับ