เริ่มจากการหาข้อมูลส่วนพระองค์เช่นวันและเวลาพระราชสมภพซึ่งได้มาจากหนังสือ "ปฐมภาคแห่งโหราศาสตร์"ของท่านอาจารย์พลูหลวง
ส่วนเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ได้มาจากเว็บไซต์วิกิพีเดีย ตามลิ้งค์นี้ครับ <พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว>
ผมใช้โปรแกรม"พิเภก ๒๕๕๖" ผูกดวงวางพระลัคนาตามวันพระราชสมภพ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 เวลา 18 นาฬิกา 51 นาที ได้ดังนี้ครับ
พระลัคนาสถิตราศีมีน พระองค์จึงเป็นผู้มีจิตใจดี โอบอ้อมอารี รักความสงบ ไม่ชอบขัดแย้งกับใคร ชอบการประนีประนอม
ดาวพุธ(๔)ได้ตำแหน่งมหาอุจจ์และเกษตรในภพเกณฑ์เรียกว่า "ปัญจมหาบุรุษโยค" บ่งบอกถึงวาสนาบารมีสูงมาก มักจะเป็นเกณฑ์ของบุคคลสำคัญ อยู่ในตำแหน่งใดก็จะเด่นดังในตำแหน่งนั้น พระองค์จึงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่
เมื่อดาวพุธ(๔)เด่น ทำให้พระองค์เป็นผู้ที่มีความฉลาดเฉลียวอย่างมาก และเมื่อกุมกับดาวอาทิตย์ พระองค์จึงเป็นผู้ที่กล่าวสุนทรพจน์ได้อย่างยอดเยี่ยม ชักจูงใจคนเก่ง อีกทั้งเป็นนักวิชาการ นักประชาสัมพันธ์ ที่หาใครมาเทียบได้ยาก
ดาวพฤหัส(๕)เจ้าเรือนพระลัคนาสถิตภพศุภะ พระองค์จึงมีความสนใจเรื่องการต่างประเทศ มีความสุขเมื่อได้เดินทางไปต่างประเทศ
นอกจากนี้พระองค์ยังสนใจในวิทยาการสมัยใหม่ เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ พระองค์สามารถนำวิทยาการใหม่ๆจากต่างประเทศมาปรับใช้เพื่อการพัฒนาประเทศได้อย่างเหมาะสมดังเช่นที่ปรากฏให้เห็นตราบจนกระทั่งปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นพระราชกรณียกิจทางด้านการปกครอง การศึกษา การคมนาคม สังคม ศิลปะและวัฒนธรรม
ดาวศุกร์(๖)ให้คุณในตำแหน่งเกษตรแต่สถิตในภพมรณะ ทำให้พระองค์ทรงโปรดเรื่องรักๆใครๆแต่ไม่ยั่งยืนนัก ดังจะเห็นได้จากการมีพระชายาหลายพระองค์
ดาวอังคาร(๓)ให้โทษในตำแหน่งนิจ ทำให้พระองค์มีพระพลานามัยที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงนัก อีกทั้งเป็นตำแหน่งพินธุบาทว์ในภพปุตตะ จึงเป็นเหตุให้พระองค์ทรงเป็นทุกข์โทมนัสในเรื่องของ พระราชโอรส พระราชธิดา ข้าราชบริพารและพสกนิกรอยู่เนืองๆ
ดาวราหู(๘)ให้โทษในตำแหน่งนิจ สถิตภพสหัสชะ ทำให้พระองค์มีพระสหายที่ดูจะไม่จริงใจมากนัก บางครั้งก็ลอบแทงข้างหลัง บางทีก็อยู่ในสถานะที่พึ่งพาไม่ค่อยได้ หรือถ้าช่วยเหลือได้ก็มักจะต้องแลกกับผลตอบแทนมหาศาล
คราวนี้เรามาดูเหตุการณ์ที่สำคัญบางเหตุการณ์ในรัชสมัยของพระองค์กันนะครับ
เหตุการณ์แรกคือการได้รับพระบรมราชาภิเษก
อย่างแรกเลย เรามาดูที่ดาวพฤหัส(๕) ซึ่งเป็นดาวเจ้าเรือนพระลัคนา กำลังโคจรสถิตภพตนุ ให้คุณในตำแหน่งเกษตร มีความโดดเด่นที่สุดในขณะนั้น ทำให้พระองค์ดูเด่นที่สุดในบรรดาพระราชโอรส
ดาวพฤหัส(๕)เป็นเจ้าเรือนภพกัมมะ สถิตภพตนุ หมายถึงพระองค์ต้องทรงได้รับพระราชกรณียกิจหรือภาระหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่นั่นคือการได้ครองราชย์นั่นเอง
ดาวเสาร์(๗)เจ้าเรือนภพลาภะกำลังโคจรสถิตภพศุภะ ให้คุณในตำแหน่งราชาโชค หมายถึงการประสบความสำเร็จจากการสนับสนุนช่วยเหลือของผู้หลักผู้ใหญ่ แต่ก็ต้องแลกกับการสูญเสียพระราชบิดาไปก่อนหน้านี้
เหตุการณ์ต่อไปเป็นการสูญเสียดินแดนมากที่สุดในรัชสมัยของพระองค์ ตรงกับวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2431
ถึงแม้ว่าดาวพฤหัส(๕)ซึ่งเป็นดาวเจ้าเรือนพระลัคนาจะให้คุณในตำแหน่งเกษตรสถิตภพกัมมะ หมายถึงการมีพระราชกรณียกิจที่โดดเด่นและสำคัญต่อพระองค์
แต่ดาวราหู(๘)ซึ่งเป็นดาวที่ให้โทษ กำลังโคจรสถิตภพพันธุ ซึ่งหมายถึงทรัพย์สินส่วนพระองค์กำลังจะต้องถูกปล้นชิงไป
ส่วนดาวเสาร์(๗)กำลังโคจรให้โทษในตำแหน่งประ สถิตภพปุตตะ หมายถึงการขาดแคลนข้าราชบริพารที่มีฝีมือ อีกทั้งยังกุมกับดาวอังคาร(๓)ในดวงพระชาตากำเนิด ทำให้พระราชกรณียกิจต่างๆมีปัญหามากมาย จึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถรักษาดินแดนไว้ได้
เหตุการณ์สุดท้ายคือวันเสด็จสวรรคตของพระองค์ ตรงกับวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453
ดาวพฤหัส(๕)เจ้าเรือนพระลัคนาโคจรเป็นพินธุบาทว์ในเรือนมรณะ หมายถึงการที่ดวงพระชาตาอ่อนแอเป็นอย่างมาก
ดาวราหู(๘)ดาวร้ายประจำพระองค์โคจรกุมดาวจันทร์ในดวงกำเนิด รวมทั้งดาวเสาร์(๗)โคจรให้โทษในตำแหน่งนิจกุมดาวจันทร์เช่นกัน ดาวจันทร์(๒)ในดวงกำเนิดนี้เองที่เป็นจุดเปราะบางในทุกดวงชะตา
ขอยกคำกลอนตามคัมภีร์ดังนี้
ดาวบาปเคราะห์ที่ให้โทษทั้งสองดวงกุมแบบนี้ ตามคำทำนายข้างต้น ไม่ใช่เรื่องดีๆแน่นอน
นอกจากนี้ ดาวอังคาร(๓)ถึงแม้จะโคจรให้คุณในตำแหน่งมหาจักรกุมดาวอาทิตย์ในดวงกำเนิด แต่การให้คุณของดาวบาปเคราะห์มักจะให้โทษก่อนเสมอ กรณีนี้คือการเจ็บไข้ได้ป่วย ดาวอังคาร(๓)ซึ่งเป็นดาวบาปเคราะห์ดวงเล็ก คงไม่สามารถต้านทานดาวบาปเคราะห์ดวงใหญ่ทั้งสองข้างต้นได้หรอกครับ
ส่วนดาวศุกร์(๖)ซึ่งเคยให้คุณในดวงกำเนิด ก็แปรเปลี่ยนมาให้โทษ เนื่องจากอยู่ในตำแหน่งพินธุบาทว์กับดวงพระชาตาขณะนั้น
จากตำแหน่งดาวที่กล่าวมาข้างต้น เป็นสาเหตุให้พระองค์เสด็จสวรรคตอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
ด้วยสถิติของเหตุการณ์บุคคลสำคัญหลายท่าน และการโคจรของดวงดาวในตำแหน่งต่างๆ จะเห็นความสอดคล้องต้องกันในทุกดวงชาตา ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีวาสนามากหรือน้อยประการใด ก็มักจะได้พบเจอกับเหตุการณ์ใกล้เคียงกันทั้งสิ้น ต่างกันที่บุคคลนั้นอยู่ในระดับใดของสังคมเท่านั้นเอง.
หมายเหตุ ขอขอบคุณภาพจากวิกิพีเดียครับ
นอกจากนี้พระองค์ยังสนใจในวิทยาการสมัยใหม่ เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ พระองค์สามารถนำวิทยาการใหม่ๆจากต่างประเทศมาปรับใช้เพื่อการพัฒนาประเทศได้อย่างเหมาะสมดังเช่นที่ปรากฏให้เห็นตราบจนกระทั่งปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นพระราชกรณียกิจทางด้านการปกครอง การศึกษา การคมนาคม สังคม ศิลปะและวัฒนธรรม
ดาวศุกร์(๖)ให้คุณในตำแหน่งเกษตรแต่สถิตในภพมรณะ ทำให้พระองค์ทรงโปรดเรื่องรักๆใครๆแต่ไม่ยั่งยืนนัก ดังจะเห็นได้จากการมีพระชายาหลายพระองค์
ดาวอังคาร(๓)ให้โทษในตำแหน่งนิจ ทำให้พระองค์มีพระพลานามัยที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงนัก อีกทั้งเป็นตำแหน่งพินธุบาทว์ในภพปุตตะ จึงเป็นเหตุให้พระองค์ทรงเป็นทุกข์โทมนัสในเรื่องของ พระราชโอรส พระราชธิดา ข้าราชบริพารและพสกนิกรอยู่เนืองๆ
ดาวราหู(๘)ให้โทษในตำแหน่งนิจ สถิตภพสหัสชะ ทำให้พระองค์มีพระสหายที่ดูจะไม่จริงใจมากนัก บางครั้งก็ลอบแทงข้างหลัง บางทีก็อยู่ในสถานะที่พึ่งพาไม่ค่อยได้ หรือถ้าช่วยเหลือได้ก็มักจะต้องแลกกับผลตอบแทนมหาศาล
คราวนี้เรามาดูเหตุการณ์ที่สำคัญบางเหตุการณ์ในรัชสมัยของพระองค์กันนะครับ
พระบรมราชาภิเษก 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2411 |
อย่างแรกเลย เรามาดูที่ดาวพฤหัส(๕) ซึ่งเป็นดาวเจ้าเรือนพระลัคนา กำลังโคจรสถิตภพตนุ ให้คุณในตำแหน่งเกษตร มีความโดดเด่นที่สุดในขณะนั้น ทำให้พระองค์ดูเด่นที่สุดในบรรดาพระราชโอรส
ดาวพฤหัส(๕)เป็นเจ้าเรือนภพกัมมะ สถิตภพตนุ หมายถึงพระองค์ต้องทรงได้รับพระราชกรณียกิจหรือภาระหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่นั่นคือการได้ครองราชย์นั่นเอง
ดาวเสาร์(๗)เจ้าเรือนภพลาภะกำลังโคจรสถิตภพศุภะ ให้คุณในตำแหน่งราชาโชค หมายถึงการประสบความสำเร็จจากการสนับสนุนช่วยเหลือของผู้หลักผู้ใหญ่ แต่ก็ต้องแลกกับการสูญเสียพระราชบิดาไปก่อนหน้านี้
สูญเสียดินแดน 23 กรกฎาคม พ.ศ.2431 |
ถึงแม้ว่าดาวพฤหัส(๕)ซึ่งเป็นดาวเจ้าเรือนพระลัคนาจะให้คุณในตำแหน่งเกษตรสถิตภพกัมมะ หมายถึงการมีพระราชกรณียกิจที่โดดเด่นและสำคัญต่อพระองค์
แต่ดาวราหู(๘)ซึ่งเป็นดาวที่ให้โทษ กำลังโคจรสถิตภพพันธุ ซึ่งหมายถึงทรัพย์สินส่วนพระองค์กำลังจะต้องถูกปล้นชิงไป
ส่วนดาวเสาร์(๗)กำลังโคจรให้โทษในตำแหน่งประ สถิตภพปุตตะ หมายถึงการขาดแคลนข้าราชบริพารที่มีฝีมือ อีกทั้งยังกุมกับดาวอังคาร(๓)ในดวงพระชาตากำเนิด ทำให้พระราชกรณียกิจต่างๆมีปัญหามากมาย จึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถรักษาดินแดนไว้ได้
เสด็จสวรรคต 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 |
เหตุการณ์สุดท้ายคือวันเสด็จสวรรคตของพระองค์ ตรงกับวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453
ดาวพฤหัส(๕)เจ้าเรือนพระลัคนาโคจรเป็นพินธุบาทว์ในเรือนมรณะ หมายถึงการที่ดวงพระชาตาอ่อนแอเป็นอย่างมาก
ดาวราหู(๘)ดาวร้ายประจำพระองค์โคจรกุมดาวจันทร์ในดวงกำเนิด รวมทั้งดาวเสาร์(๗)โคจรให้โทษในตำแหน่งนิจกุมดาวจันทร์เช่นกัน ดาวจันทร์(๒)ในดวงกำเนิดนี้เองที่เป็นจุดเปราะบางในทุกดวงชะตา
ขอยกคำกลอนตามคัมภีร์ดังนี้
"เสาร์ทับพระจันทร์ ชนนั้นบมิสบาย
ทรัพย์สินจะสูญหาย อุปสรรคจะมีมา
ค่าคนและลูกเมีย ก็จะเสียแลโศกา
ขอคุณพระรักษา ชนมชีพจะยืนนาน"
"ราหูปะทะจันทร์ อริอันจะหมองหมาย
ยอลาภพลีหมาย ก็สมัครสมาการ"
นอกจากนี้ ดาวอังคาร(๓)ถึงแม้จะโคจรให้คุณในตำแหน่งมหาจักรกุมดาวอาทิตย์ในดวงกำเนิด แต่การให้คุณของดาวบาปเคราะห์มักจะให้โทษก่อนเสมอ กรณีนี้คือการเจ็บไข้ได้ป่วย ดาวอังคาร(๓)ซึ่งเป็นดาวบาปเคราะห์ดวงเล็ก คงไม่สามารถต้านทานดาวบาปเคราะห์ดวงใหญ่ทั้งสองข้างต้นได้หรอกครับ
ส่วนดาวศุกร์(๖)ซึ่งเคยให้คุณในดวงกำเนิด ก็แปรเปลี่ยนมาให้โทษ เนื่องจากอยู่ในตำแหน่งพินธุบาทว์กับดวงพระชาตาขณะนั้น
จากตำแหน่งดาวที่กล่าวมาข้างต้น เป็นสาเหตุให้พระองค์เสด็จสวรรคตอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
ด้วยสถิติของเหตุการณ์บุคคลสำคัญหลายท่าน และการโคจรของดวงดาวในตำแหน่งต่างๆ จะเห็นความสอดคล้องต้องกันในทุกดวงชาตา ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีวาสนามากหรือน้อยประการใด ก็มักจะได้พบเจอกับเหตุการณ์ใกล้เคียงกันทั้งสิ้น ต่างกันที่บุคคลนั้นอยู่ในระดับใดของสังคมเท่านั้นเอง.